กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท

หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด อยุธยา

ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อจง เจ้าตำรับตะกรุดหนังสืออันโด่งดัง ตะกรุดหนังเสือของท่านหายากมาก ที่มีประสบการณ์ดีไม่เเพ้กัน คือ รูปถ่ายหลังหนังเสือ

ผมเคยเเกะรูปรุ่นนี้ออกดู เเง้มหลังรูปถ่าย พบว่าท่านจารหลังรูปถ่าย ก่อนที่จะเอาหนังเสือมาประกบครับ :)

ขอเสริม
 ประวัติหลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด
ต.สนามชัย อ.บางไทร จ.อยุธยา แถววัดมีชาวมอญอยู่กันมากจึงเรียกกันว่า บ้านโคกมอญ
หลวงพ่อฟ้อน อุปสมบท เมื่อ พ.ศ.2462 และสึกออกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพครั้นในปี พ.ศ.2482 ก็เบื่อหน่ายชีวิตฆราวาสและเข้าอุปสมบทที่วัดบ้านพาดอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ตั้งใจอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อเวลาว่างได้ไปขอเรียนวิชาอาคมและวิปัสสนาจากหลวงปู่จง แห่งวัดหน้าต่างนอก
 วัตถุอาถรรพณ์ของหลวงพ่อฟ้อนที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันคือ ตะกรุดหนังเสือโคร่ง
       ปกติแล้วในสมัยโบราณนั้นนิยมใช้หนังบริเวณหน้าเสือเท่านั้นที่สร้างตะกรุดแต่หลวงปู่จงองค์พระอาจารย์ของหลวงพ่อฟ้อนใช้หนังเสือทั้งตัว เพื่อให้ได้จำนวนมากท่านบอกกับหลวงพ่อฟ้อนว่า หนังเสือทั้งตัวนั่นแหละดีตัดแบ่งเข้าแล้วลงอักขระ เสือก็คือเสือ มันมีลายทั้งตัวไม่ใช่มีเฉพาะที่ หน้าผาก นั่นเองทำให้หลวงพ่อฟ้อนดำเนินลอยตามหลวงปู่จงในการทำตะกรุด เสือที่หลวงพ่อนำหนังมาทำตะกรุดก็คือ เสือโคร่ง
แบ่งเป็น 2 ขนาด คือ
[ของผู้ชาย] ยาว 7 ซม.กว้าง 0.5 ซม. ขนาดของ[ผู้หญิง]ยาว 3 ซม.เมื่อม้วนแล้วจะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0 .5 ซม.
เท่ากัน
    หากท่านไม่สามรถจะหาตะกรุดหนังเสือของหลวงปู่จงได้ ก็ขอให้ใช้ตะกรุดสำนักวัดบ้านพาดแทนก็พอจะพึ่งพาท่านได้เพราะตะกรุดหลวงพ่อฟ้อนก็คือตะกรุดที่หลวงพ่อ ได้รับการประสิทธิ์ประสานมาจากหลวงปู่จง
วัดหน้าต่างนอกนั่นเอง

ขนาดของผู้หญิงใช้ ความยาว3 ซม. เมื่อม้วนแล้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5  ซม.
กรรมวิธีการสร้างนั้นไม่มีอะไรมากท่านให้ศิษย์วัดตัดหนังแบ่งออกเป็นขนาด
เล็กๆดังกล่าวมาแล้ว นำมาให้ท่าน ท่านจะลงอักขระลงไปในด้านหลังของหนังเสือที่ไม่มีขนตามสูตรที่ท่านได้รับการ ประสิทธิ์ประสาทมาจากหลวงปู่จงจากนั้นก็นำมาม้วนด้วยตัวของท่านเองในขณะที่ม้วนท่านก็ภาวนาพระคาถากำกับตรึงตะกรุดนั้นอีกทีหนึ่ง จากนั้นศิษย์จะรับไปรัดด้วยเชือกกันคลี่ แล้วนำไปลงรักให้ทั่วเพื่อกันหนังเสือถูกเหงื่อผุพังได้ง่าย เมื่อรักหมาดก็ปิดทองเพื่อรับขวัญอันเป็นเสร็จพิธี จากนั้นหลวงพ่อก็จะมาปลุกเสกเป็นครั้งสุดท้าย หากท่านไม่สามารถหาตะกรุดหนังเสือของหลวงปู่จงได้ก็ขอให้ไปหาตะกรุดของสำนักวัดบ้านพาดแทนก็พอจะพึงพาท่านได้เพราะตะกรุดหลวงพ่อฟ้อนคือตะกรุดที่รับการประสิทธิ์ประสาทมาจากหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอกนั่นเอง

ขอบคุณคุณขุนทัพมากครับ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม :)

ขอบคุณทั้งสองท่านเลยครับสำหรับข้อมูลดีๆครับ

ขอบคุณ คุณสมศักดิ์ครับ :)

ขอเพิ่มอีกนิด
ศิษย์เก่ง ของหลวงปู่จง อีกองค์หนึ่ง
    เรื่องมีอยู่ว่า เสด็จองค์ชายใหญ่(ที่ท่านชอบสร้างหนัง) ได้นิมนต์หลวงปู่จง ไปทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล
พวกพระบูชาที่ในวังของท่าน หลวงปู่จงท่านได้ไปกับศิษย์ ท่านเสด็จองค์ชายใหญ่ได้ตรัสกับหลวงปู่จงว่า
“งานนี้ปลุกเสกให้เต็มที่เลยนะ” หลวงปู่จงจึงบอกว่า “ถ้าจะให้เต็มที่ต้องลูกศิษย์ฉัน”จึง นิมนต์ให้ลูกศิษย์
ของท่านปลุกเสกเดียวแทน ขณะที่ลุกศิษย์ของท่านปลุกเสกอยู่ พระบูชาที่ตั้งอยู่ ทุกองค์ เกิดสั่นขึ้นมา ผู้ที่อยู่ในพิธีต้องลุกมาช่วยประคองกันไว้ ซึ่งเวลาต่อมา มีพระเกจิอีกองค์หนึ่งที่ได้นิมนต์เข้ามาปลุกเสกในวัง
และสามารถปลุกเสกจนพระบูชาสั่นได้คือ ท่านอาจารย์นำ แก้วจันทร์
   ส่วนศิษย์ของหลวงปู่จงองค์นี้ เป็นพระที่ผมนับถือมากและภูมิใจในเรื่องเล่านี้มากถึงจะไม่มีหลักฐาน
และเอกสารอ้างอิงประกอบ แต่ก็ได้แสดงถึงวิชาอาคมของท่านว่าเก่งกาจขนาดไหน
   ลูกศิษย์ของ หลวงปู่จง องค์นี้คือ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร แห่งวัดบ้านแค

ยืนยันข้อมูล พี่ขุนทัพ ได้ยินคนรุ่นเก่าที่ทำข้อมูลรุ่นแรกกล่าวถึงเหมือนกัน ว่าในเวลานั้นหลวงพ่อกวยท่านอยู่กับหลวงพ่อจงพอดีกับที่มีการนิมนต์ลพ.จงเข้าวัง หลวงพ่อจงก็ให้ ล.พ.กวย ให้ติดตามท่านเข้าไปด้วย ภายหลังว่าท่านเสด็จองค์ชายใหญ่จะติดตามมาวัดบ้านแค แต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก เรือพระองค์ท่านก็ใหญ่ วัดบ้านแคไม่ติดแม่น้ำท่านจึงไม่ได้มา  :D

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลลึกๆครับ :)

สุดยอดครับคุณขุนทัพ

สุดยอดมากครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆจากทุกๆท่านครับ

หลวงพ่อของเราท่านเก่งจริงๆครับ