กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท

ทั่วไทย => พระเกจิอาจารย์จังหวัดชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี => ข้อความที่เริ่มโดย: ฝุ่นดิน ที่ 03 มีนาคม 2011, 05:02:36 PM



หัวข้อ: ประวัติหลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย ชัยนาท (พอสังเขป)
เริ่มหัวข้อโดย: ฝุ่นดิน ที่ 03 มีนาคม 2011, 05:02:36 PM
     หลวงพ่อบุญยัง เกิดเมื่อ พ.ศ.2431 ตรงกับปีชวด ที่อำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดหนองพญา ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เมื่อปี พ.ศ.2451 เป็นพระใบฎีกาตำแหน่งพระฐานานุกรมของหลวงปู่ศุข เจ้าคณะแขวงวัดสิงห์ในสมัยนั้น และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองน้อยเป็นองค์ที่ 5
หลวงพ่อยัง ท่านเป็นพระระเบียบจัด การเดินบนพื้นกระดานจะเดินลงส้นให้เกิดเสียงแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ ท่านจะเรียกมาเคาะกระปอมด้วยหินมีดโกน เวลาจะฉันข้าวก็เช่นเดียวกันต้องเป็นระเบียบ  การนุ่งห่มของท่านก็เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยท่านจะห่มดองพาดผ้าสังฆาฏิแล้ว รัดอก การนั่ง การขบฉัน เจ้าระเบียบไม่ผิดจากหลวงพ่อเคลือบวัดบ่อแร่เลย และมีอุปนิสัยในทางมัธยัสถ์ เช่น อาหารประเภทน้ำพริก ไม่ว่าน้ำพริกชนิดใดก็ตาม หากเหลือท่านจะให้เทรวมลงในหม้อเดียวกัน แล้วท่านจะนำไปตั้งไฟคนให้เข้ากันแล้วเก็บไว้กินต่อไปได้ ในกุฏิของท่านจะมีควายธนูที่สานด้วยตอกอยู่เต็มไปหมด เวลากลางคืนท่านจะเอาวัวธนูมาเสกให้ชนกันให้เด็กวัดดู และท่านก็สามารถเสกผ้าอาบน้ำฝนได้เหมือนหลวงปู่ศุขอาจารย์ของท่าน
   ส่วน เรื่องการสงเคราะห์ญาติโยมนั้น ท่านเก่งหลายด้าน คนขึ้นท่านมาก วันๆมาไม่ได้ขาด โดยเฉพาะช่วงฝีห่าระบาด เกวียนที่ใช้บรรทุกคนป่วยจอดกันแน่นลานวัดเกือบทุกวัน ถ้าใครเพิ่งเริ่มเป็นท่านจะลงอักขระที่เล็บของผู้ป่วยโดยที่ไม่ต้องใช้ยา รักษาแต่ประการใด แต่ถ้ามีอาการถึงขนาดที่ขึ้นเป็นตุ่มมากแล้ว หลวงพ่อท่านจะทำน้ำมนต์แล้วอาบให้ก็ปรากฏว่าหายทุกราย แต่สำหรับป้องกันท่านจะทำเป็นตะกรุดไม้ไผ่จารอักขระผูกข้อมือเด็กวัดผูกกัน ทุกคน และก็ไม่ปรากฏว่าเด็กวัดหนองน้อยจะเป็นโรคฝีดาษเลย  วิชากระสุนคดของท่านก็ฉมังนักเด็กวัดเกรงลูกกระสุนท่านกันนักหนา
   ตะกรุด ท่านบูชาดอกละ 10 บาท เป็นทองแดงยาวประมาณซักนิ้วชี้ได้ ไม่ถักเชือก ตะกรุดอีกอย่างเรียกกันว่าตะกรุดสังวาลย์ คือในเส้นเดียวกันนี้แต่มีแยกออกไปอีกหลายสาย เมื่อสวมลงไปแล้ว จะคล้องที่คอสายหนึ่ง พาดเฉวียงบ่าซ้ายเส้นหนึ่ง เฉวียงบ่าขวาเส้นหนึ่ง และสวมลงไปที่เอวอีกสายหนึ่ง ส่วนพระพิมพ์ผู้เฒ่าผู้แก่จำได้ว่าท่านเคยสร้างพระพิมพ์สี่เหลี่ยมประภามณฑล คล้ายๆกับของหลวงปู่ศุข โดยท่านจะเดินเลือกก้อนกรวดก้อนแร่บริเวณขอบสระภายในวัดนำมาหลอมเข้าด้วยกัน เป็นส่วนผสม นอกจากนั้นยังมีพระผงพิมพ์สมเด็จ 7 ชั้นอีกชนิดหนึ่ง แต่วัตถุมงคลทั้ง 2 อย่าง จะหามาถ่ายรูปก็หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
   ท่านมรณภาพ เพราะโรคริดสีดวงทวาร มีอาการถ่ายเป็นเลือดไม่หยุดหมออ่วมมาทำการรักษา ซึ่งยาที่จะให้ท่านกินนั้นต้องเข้ากระสายเหล้า ท่านได้กลิ่นจึงรู้ว่ามีเหล้าปน ด้วยความเคร่งครัดท่านไม่ยอมฉันยานั้นเลย และท่านก็มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2489 อายุ 58 ปี หลังทำการฌาปนกิจศพคณะศิษยานุศิษย์จึงร่วมกันหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2490