กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท

ทั่วไทย => พระเกจิอาจารย์จังหวัดชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี => ข้อความที่เริ่มโดย: ฝุ่นดิน ที่ 03 มีนาคม 2011, 05:11:02 PM



หัวข้อ: สมเด็จวัดธรรมขันธ์ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
เริ่มหัวข้อโดย: ฝุ่นดิน ที่ 03 มีนาคม 2011, 05:11:02 PM
    จัดสร้างโดยพระครูสุธรรมมานุกิจ(สำราญ สุวีโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมขันธ์ อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ในปี พ.ศ. 2500 ซึ่งได้ทำการรวบรวมมวลสารสำคัญๆหลายชนิดเป็นต้นว่า ดิน ๗ โปร่ง ๗ ป่า ๗ ท่า ๗ ใจ ๗ ไคลเสมา ๗ นา ๗ เมือง ตามตำราโบราณโดยหมายถึงสิ่งเหล่านี้
ดิน ๗ โปร่ง หมายถึงดินโปร่งที่สัตว์ป่าชอบมากินซึ่งจะมีรสเค็ม สังเกตได้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นจะโล่งเตียนไม่มีหญ้าขึ้น
ดิน ๗ ป่า หมายถึงดินที่พลีเอามาจากป่าช้าที่ใช้ฝังศพ เลือกเอาเฉพาะที่มีอาถรรพ์แรงๆ
ดิน ๗ ท่า หมายถึง ดินที่นำมาจากตีนท่าน้ำที่มีเรือข้ามไปข้ามมา ยิ่งเป็นท่าที่คนนิยมข้ามไปข้ามมามากๆยิ่งดี
ดิน ๗ ใจ หมายถึง ดินที่อยู่ใจกลางแม่น้ำ    ซึ่งจะเลือกเอาเฉพาะแม่น้ำที่มีชื่อเป็นมงคล
ดิน ๗ ไคลเสมา หมายถึงดิน ฝุ่นผงหรือ ตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่กับใบเสมารอบๆอุโบสถ ให้เลือกเอาเฉพาะโบสถ์มหาอุด ( คือโบสถ์ที่มีประตูหน้าด้านเดียวไม่มีประตูออกด้านหลัง ซึ่งโดยมากมักจะเป็นโบสถ์ศิลปะโบราณสมัยอยุธยา )
ดิน ๗ นา หมายถึงดินที่พลีมาจากใจกลางนาข้าว โดยจะเลือกเอาเฉพาะนาของเจ้าของนาที่ชื่อเป็นมงคล และจะขุดเอาเฉพาะนวลดินซึ่งอยู่ลึกลงไป ซึ่งเนื้อดินจะมีความละเอียดกว่าชั้นหน้าดินตามธรรมดา
ดิน ๗ เมือง หมายถึงดิน ฝุ่นผงหรือตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่กับเสาหลักเมือง โดยจะเลือกเอาเฉพาะเมืองที่มีนามเป็นมงคล
นำดินอาถรรพ์เหล่านั้นมาผสมกับว่านยาสาระพัดชนิด เศษพระกรุโบราณ และผงวิเศษต่างๆแล้วจึงทำการจัดสร้างเป็นพิมพ์พระสมเด็จขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ตรงกับงานฉลองกึ่งพุทธกาล และจัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกโดยมีพระเกจิคณาจารย์ในยุคนั้นหลายต่อหลายท่านด้วยกันมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ตั้งปะรำพิธีกลางแจ้งประกอบด้วยราชวัตรฉัตรธงเครื่องเซ่นสรวงบูชาอย่างยิ่งใหญ่ทำพิธีกันอยู่ถึง ๗ วัน ๗ คืน พระคณาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกนั้นมีอยู่หลายท่าน แต่ชาวบ้านจำได้แต่หลวงพ่อทบ หลวงพ่อกัน และหลวงพ่อทางแถบจังหวัดอุทัยธานีอีก 1 ท่าน ในงานครั้งนั้นคณาจารย์แต่ละท่านได้ทำการทดลองวิชาซึ่งกันและกัน เท่าที่ชาวบ้านจำได้และเล่าให้ฟัง ก็คือการทดลองวิชาของหลวงพ่อทบกับพระอาจารย์อุทัย (ไม่ทราบนามที่แท้จริงของท่าน ทราบแต่เพียงว่าท่านมาจากจังหวัดอุทัยธานีและหลวงพ่อสำราญท่านมักจะเรียกว่า “พระอาจารย์อุทัย”) การทดลองวิชาของพระอาจารย์ทั้งสอง เริ่มด้วยการจุดถ่านไฟเป็นทางยาว โดยมีหลวงพ่อทบท่านเดินลุยก่อน หลวงพ่อทบท่านสามารถเดินผ่านไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน หลังจากนั้นพระอาจารย์อุทัยจึงเดินลุยบ้าง หลวงพ่อทบเห็นว่าพระอาจารย์รูปนี้ใช้ธาตุน้ำดับธาตุไฟหมายจะทดลองวิชากับท่าน หลวงพ่อทบท่านจึงคัดเอาธาตุน้ำออก แล้วเพ่งเอาธาตุไฟใส่เข้าไปอีก เท่านั้นเองพระอาจารย์อุทัยถึงกับกระโดดโหยงเหยงไม่เป็นท่า แล้วท่านก็เข้ามากราบหลวงพ่อทบ หลวงพ่อทบท่านก็หัวเราะด้วยความพึงพอใจในวิชาอาคมของพระอาจารย์อุทัย
หลังจากเสร็จพิธีใหญ่ในครั้งนั้นแล้วหลวงพ่อสำราญยังนำมาฝากไว้กับหลวงพ่อเคลือบเพื่อให้ท่านทำการปลุกเสกเดี่ยวอีกเป็นระยะเวลา ๑ พรรษา พระที่นำมานั้นใส่ถุงผ้าขนาดใหญ่ที่เย็บด้วยผ้าสบงจำนวน ๒ ถุง มีทั้งหมดหลายทรงพิมพ์ด้วยกัน  ซึ่งพอจะจำแนกได้ดังนี้
   ๑.สมเด็จพิมพ์ ๓ ชั้น
   ๒.สมเด็จพิมพ์ ๕ ชั้น
   ๓.สมเด็จพิมพ์ ๗ ชั้น
   ๔.สมเด็จพิมพ์ ๙ ชั้น
   ๕.พิมพ์ขุนแผน ซึ่งมีอยู่น้อยมาก
   สำหรับประสบการณ์พระสมเด็จวัดธรรมขันธ์นี้มีเรื่องเล่าว่ามีลูกเขยของคนบ้านบ่อแร่ที่โยกย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชรเกิดเหตุถูกจ่อยิงด้วยปืนลูกซองยาวในระยะเผาขนแต่ปรากฏว่ายิงไม่ออก ฝ่ายที่ถูกยิงเมื่อรู้ตัวก็วิ่งหนี ไอ้ฝ่ายคนยิงก็วิ่งไล่ยิงตามไปติดๆ นัดไหนด้านก็หักลำออกแล้วบรรจุลูกกระสุนเข้าไปใหม่หักไปยิงไปอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลูกกระสุนหล่นเรี่ยราดเรียงรายไปตามทางเกลื่อนกลาดไปหมด ลูกแล้วลูกเล่าก็ไม่ปรากฏว่าจะมีกระสุนนัดใดออกมาสำแดงเดชได้เลย


หัวข้อ: Re: สมเด็จวัดธรรมขันธ์ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
เริ่มหัวข้อโดย: ฝุ่นดิน ที่ 03 มีนาคม 2011, 05:23:11 PM
1


หัวข้อ: Re: สมเด็จวัดธรรมขันธ์ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
เริ่มหัวข้อโดย: ฝุ่นดิน ที่ 12 มีนาคม 2012, 10:46:56 PM
 จากวัดบ้านนอกคอกนาสู่สายตาสาธารณะชน  ปรากฎการณ์ที่โลกต้องตะลึง กับภาพพิธีปลุกเสกสมเด็จวัดธรรมขันธ์ครับ แหม...ขึ้นต้นยังกับสโลแกนโฆษณาหนังแอคชั่น  เอ้า...ลองสังเกตกันดูครับว่ามีท่านใดบ้าง วันหลังค่อยมาสาธยายต่อครับ