ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 20 เมษายน 2024, 10:31:28 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: การบริจาคเงินเข้าวัดโฆสิตาราม (สำคัญโปรดอ่าน) http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=204.0

+  กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท
|-+  ทั่วไทย
| |-+  ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องเเละความรู้ทั่วไป
| | |-+  *** กำเนิดและพัฒนาการพุทธศิลป์พระทรงเครื่อง (ต่อ) ***
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: *** กำเนิดและพัฒนาการพุทธศิลป์พระทรงเครื่อง (ต่อ) ***  (อ่าน 5081 ครั้ง)
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:41:23 PM »

(กระตู้เก่าจาก Amuletsinthai / Post โดยคุณธนพัฒน์ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ใจดีในเว้ปแห่งนั้น)
อยุธยาตอนต้น พศ.1893-2031 เริ่มจากพระเจ้าอู่ทองจนถึงพระบรมไตรโลกนาถ จากที่ได้กล่าวมาแล้วว่าพระอู่ทองรุ่นที่สามคืออยุธยาตอนต้นนั้นเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงเลย ผมขอขึ้นพระตัวอย่างเลยครับ เพราะเล่ารายละเอียดไปแล้วในช่วงก่อน พระองค์นี้ทรงชฏาเทริด มีสังวาลยาวห้อยลงมาสองข้าง มีทับทรวง และรัดประคตที่ทรงอยู่ก็สร้างเป็นทับทรวง พระองค์นี้เป็นพระสำริดหล่อที่อยู่ในซุ้มจระนำ รอบๆเจดีย์พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช จัดว่าเป็นปฏิมากรรมอยุธยาตอนต้นที่เป็นพุทธศิลป์แบบอยุธยาตอนต้นแท้ๆองค์หนึ่ง


* TP_11.jpg (33.81 KB, 331x472 - ดู 1005 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #1 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:42:50 PM »

องค์นี้ก็อีกองค์ ท่านสวมเทริด ต่างหูสั้น รูปทรงอวบใหญ่ บึกบึน ชายจีวรแข็งเป็นปีกออกสองข้าง ลักษณะ อู่ทอง-อยุธยาตอนต้นเห็นได้ชัด ท่านอยู่มี่ระเบียงคต วัดเบญจมบพิตรฯนี่เอง


* TP_12.jpg (30.66 KB, 161x472 - ดู 962 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #2 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:44:44 PM »

ยุคที่สองอยุธยาตอนกลาง พศ. 2031-2172 เริ่มจากพระบรมราชาธิราช จนถึงพระอาทิตยวงศ์ ช่วงนี้กรุงสุโขทัยได้อยู่ในความครอบครองของกรุงศรีอยุธยาโดยสมบูรณ์ ศิลปะต่างๆได้ถูกดูดกลืนมาเป็นของกรุงศรีอยุธยาจนสิ้น แต่ที่จริงอาจกล่าวได้ว่าราชวงศ์สุโขทัยมายึดกรุงศรีอยุธยา ทางการส่งลูกสาวมาเป็นชายาแล้วเอาเลือดครึ่งหนึ่งของหลานขึ้นมามีอำนาจ และพวกลุงๆป้าๆก็ย้ายตามมากินเมืองบริวารโดยรอบจากบารมีหลานก็ว่าได้ คนโบราณไม่โง่อย่างที่คิดครับ สู้เขาไม่ได้ก็ส่งที่ดินแปลงน้อยมีแต่หญ้ามาฮุบที่ดินแปลงใหญ่ที่มีแต่เมือง คนที่ดูหนังสุริโยทัยของท่านมุ้ยคงจะนึกภาพการสู้ในทีของราชวงศ์พระร่วงกับราชวงศ์อู่ทองสุพรรณภูมิได้ชัดเจนขึ้น เพราะเหตุนี้ศิลปะสุโขทัยแผ่อิทธิพลเต็มรูปแบบศิลปะของอู่ทองเริ่มถอยออกไป พระที่ทรงเครื่องทองน้อยแบบล้านนา และศิลป์แบบสุโขทัยแต่เดิม ได้ถูกนำมาสร้างเป็นพระทรงเครื่องของกรุงศรีอยุธยายุคนี้ครับ และยุคนี้เป็นยุคเริ่มต้นของศิลปะพระทรงเครื่องที่อลังค์การแบบสุดๆจากศิลป์ในยุคคลาสิกของสุโขทัย ที่ได้แนวคิดยุคอาเคอิคของล้านนาและคลาสิคของเชียงใหม่อีกทีหนึ่ง
พระตัวอย่างเป็นพระสลักไม้ประดับสำริด หน้าตาท่านเป็นสุโขทัยแบบไม่ต้องบอกก็รู้กันทุกคนครับ ท่าน ทรงเครื่องเต็มรูปแบบอลังค์การ ทรงเครื่องกษัตริย์ มีกรรเจียก ชฏา สังวาลทับทรวง กนกสามชั้นที่หน้าผ้าทิพย์หล่อจากสำริด พระองค์นี้อยู่ที่วัดกลางบางแก้วครับ


* TP_13.jpg (23.89 KB, 124x472 - ดู 978 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #3 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:46:24 PM »

อยุธยาตอนปลาย พศ.2172-2310 เริ่มจากพระเจ้าปราสาททองจนเสียกรุง พระทรงเครื่องยังคงสร้างตามแบบยุคกลางอยู่ แต่ความละเอียดของลายกนกละเอียดขึ้นมากไม่หยาบใหญ่แบบยุคกลาง ท่านยังคงสวมชฏาอยู่ แต่แหลมขึ้นยาวขึ้นลายวิจิตรขึ้น ท่านได้เพิ่มสังวาลห้อยจนถึงสะบักข้างเสียส่วนใหญ่ ใต้รัดประคด กนกอ่อนช้อยและละเอียดขึ้น ถ้าไม่มีกนกจะเป็นลายกุดั่นบนผ้านุ่งแทน การแยกพระของสองยุคนี้ต้องใช้ความละเอียดในการพิจารณาสูง เพราะจุดใหญ่อยู่ที่ความละเอียดของฝีมืออย่างเดียว
พระตัวอย่างท่านทรงเครื่องทองใหญ่ ทั้งองค์ที่มีกนกและลายกุดั่น ประณีตขึ้นมาก ชฏาสูงเรียวเล็ก ท่านทั้งสององค์อยู่ที่วัดจักวรรดิราชาวาส กรุงเทพนี่เอง


* TP_14.jpg (36.89 KB, 284x491 - ดู 990 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #4 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:47:42 PM »

องค์นี้ก็ใช่อยุธยาตอนปลาย ท่านอยู่วัดรวกบางบำรุ กรุงเทพฯ ท่านมีชายไหวชายแครง กนกอ่อนช้อยสวยงามมากครับ


* TP_15.jpg (33.65 KB, 282x452 - ดู 947 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #5 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:48:49 PM »

กรุงรัตนโกสินทร์ พศ.2325 หลังจากบ้านแตกสาแหรกขาดมาเป็นสิบปี (8เดือน??) กรุงธนบุรีราชธานีชั่วคราวก็ไม่ใช้บ้านที่ถาวร ยุคแรกนั้นเป็นการชะลอพระมาซ่อมเสียส่วนใหญ่ พระทรงเครื่องเริ่มสร้างใหม่อีกครั้งที่สมัยพระพุทธเลิศหล้าฯ อัครมหาศิลปินและงานช่างวิจิตรศิลป์ พระของท่านจะแยกออกจากพระยุคกรุงศรีฯได้โดยสังเกตุจากพระพักตร์ของท่าน ทางแวดวงศิลปะจะเรียกว่าพระหน้าหุ่น พระพักตร์จะเรียบเฉย พระขนงจะโค้งบางสวย เค้าโครงรูปไข่ เหมือนหัวโขนพระราม รูปทรงโดยรวมจะหนาขึ้นไม่เอวบางเหมือนอยุธยาตอนกลางและปลาย เป็นแบบแผนพระต่างๆที่สร้างยุคกรุงรัตนโกสินทร์ในเวลาต่อมา ลวดลายจะใช้กุดั่นเรียบมากขึ้น ผมหารูปได้ไม่หมด ผมแนะนำไปดูเองนะครับ องค์แรกอยู่วัดนางนอง ตรงข้ามวัดราชโอรส เป็นพระนั่งมารวิชัยทรงชฏายอดแหลมสร้างสมัยพระนั่งเกล้าฯ ที่ผมแนะนำวัดนี้เพราะท่านได้สร้างตามแนวพระสมัยอยุธยาแต่ฝีมือช่างกรุงเทพฯครับ และอีกองค์เป็นพระทรงเครื่องวัดราชาธิวาส สร้างสมัยพระจอมเกล้าฯ
พระตัวอย่างที่ผมเลือกองค์นี้เป็นของวัดอรุณ ผมจะให้ดูพระหน้าหุ่นครับ เหมือนหน้าพระรามไหมครับ พระองค์นี้สร้างตามแบบลักษณ์ของอยุธยาตอนปลาย แต่ไม่ผอมบางเท่าของอยุธยาแท้เท่านั้นครับ


* TP_16.jpg (34.32 KB, 267x437 - ดู 950 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #6 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:50:09 PM »

สมัยพระจอมเกล้าฯ ท่านได้สร้างพระที่เป็นพระทรงเครื่องที่เป็นพระดูเป็นคนจริงๆมากขึ้น คงเป็นเพราะท่านได้ติดต่อกับฝรั่งมากขึ้น และฝีมือช่างวิจิตรรุ่นเก่าเริ่มขาดช่วงทั้งคนและฝีมือ ความเจริญในยุควิคตอเรียของยุโรปเริ่มเข้ามาพร้อมกับเรือปืน ลัทธิเมืองขึ้นเจริญในภูมิภาคอุสาอาคเนย์
ผมเอาพระตัวอย่างจากวัดจักวรรดิราชาวาสมาให้ชมครับ ผมอยากจะหาพระทรงเครื่อง แบบเครื่องมากเหมือนโบราณสร้างกัน แต่หาไม่พบแล้วครับ พระคลาสิคแบบนี้หมดไปตั้งแต่รัชกาลพระนั่งเกล้าเสียแล้ว น่าเสียดายมากครับ


* TP_17.jpg (29.39 KB, 208x425 - ดู 966 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #7 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:51:31 PM »

อีกองค์ที่สร้างสมัยพระจอมเกล้า ท่านอยู่วัดราชสิทธารามครับ เครื่องของท่านเหลืออยู่เท่านี้เท่านั้น แค่ลายจีวรสังฆฏิ นี่คือจุดจบของพระทรงเครื่องของสยามที่เริ่มมาจากระยะเวลาอันยาวไกลจากยุคทวารวดี จะว่าผมจบแบบเศร้า ก็คงเศร้าแบบนี้แหละครับ  ร้องไห้


* TP_18.jpg (29.16 KB, 166x531 - ดู 960 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #8 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:52:51 PM »

ท่านทรงเครื่องแบบครบสูตรของกรุงศรีอยุธยายุคปลายเลยครับ เพราะช่างสมัยนั้นยังเป็นช่างอยุธยาที่หอบลูกเมียหนีดาบพม่ามันไล่กุดหัว มาอยู่กรุงเทพฯ พระวัดที่ไหนนะดูคุ้นๆ


* TP_19.jpg (36.41 KB, 249x413 - ดู 925 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #9 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 07:55:20 PM »

การดูพระทรงเครื่องนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก เหมือนการดูพระบูชาก็ไม่ยากเช่นกัน ในวงการมีของสองประเภทให้เก็บคือ
// หนึ่ง-ของเล่นได้-ประกวดได้-ขายได้- แท้ในร้าน-แท้ในงานประกวด แต่กราบไม่ได้ ซื้อมาแล้วกอดใบประกาศแก้เหงาได้เท่านั้น
//สอง-ของแท้กราบได้
เนื่องจากวงการพระเครื่องเป็นของผู้สนใจกลุ่มเล็กๆ ผู้สนใจพระบูชายิ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ในกลุ่มเล็กๆอีกที กรรมการที่มีความรู้ในงานประกวดหายาก บางงานต้องเอาพวกงูๆปลาๆมาขัดดอก ดังนั้นจึงเป็นจุดอ่อนและเป็นทางหากินของพ่อค้าพระบูชาที่เล่นกันจนฐานะดีวันดีคืน การหากินกับคนที่โง่กว่าแต่มีเงินจึงเป็นเรื่องง่ายๆ ของพ่อค้ากลุ่มนี้ ระวังตัวให้ดีนะครับ อย่าโลภ อย่าเห็นแก่ใบประกาศ อย่าเห็นแก่ฐานะหน้าตา และความน่าเชื่อถือของคนขายพระ ที่เรียกตัวเองว่าเซียน แล้วจะไม่โดนเชือดครับ
จบบริบูรณ์ แล้วครับ คุณ 1812 ถ้าเข้ามาอ่าน ช่วยกรุณาตรวจปีและศตวรรษด้วยครับ ผมไม่แน่ใจว่าปีที่กำหนดไว้จะถูกต้องหรือเปล่า เพราะบางข้อมูล(ส่วนใหญ่) ผมใช้ของในหัวเขียนสดๆครับ
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #10 เมื่อ: 18 กันยายน 2007, 08:00:11 PM »

จบบทความของคุณธนพัฒน์แล้วครับ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ในศาสตร์และศิลป์พระเครื่องพระบูชาลุ่มลึก และไม่หวงวิชา ผมนับถือท่านเป็นครูท่านหนึ่งครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
pichitpol
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 843



« ตอบ #11 เมื่อ: 19 กันยายน 2007, 07:53:49 AM »

ชอบอ่านมาก แฟ้มบุคคล ขอปรบมือให้ ขอบคุณพี่สังขวานรมากๆเลยครับ... ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #12 เมื่อ: 19 กันยายน 2007, 11:10:42 AM »

ด้วยความยินดีครับ คุณpichitpol  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
aodbu
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 791



« ตอบ #13 เมื่อ: 19 กันยายน 2007, 09:36:13 PM »

ประวัติเก่าๆแบบนี้หาอ่านยากครับ นานไปยิ่งจะไม่มีให้ศึกษา
 ขอบคุณพี่สังขวานรครับ
บันทึกการเข้า

หลวงพ่อโตลงมาทรงงานในโลกมนุษย์ที่สำนักปู่สวรรค์
www.poosawan.org
สังขวานร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


« ตอบ #14 เมื่อ: 19 กันยายน 2007, 09:56:59 PM »

ขอบคุณคุณaodbuครับ ที่ร่วมกันศึกษามรดกของชาติ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!