หลวงพ่อโม "เอามาฝาก ชาวชัยนาท"

[1_MAN_U]

ปาฏิหาริย์แห่ง"วาจาสิทธิ์"(1) "หลวงพ่อโม"เกจิดังเมืองชัยนาท

คอลัมน์ มุนพระเก่า


พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองชัยนาทที่โดดเด่นเป็นที่สุด เห็นจะไม่พ้นพระครูวิมลคุณากร (ศุข เกสโร) แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์

แต่หากเพ่งมองไปที่อำเภอสรรคบุรี พระเกจิอาจารย์ที่นับว่ามีชื่อเสียงโดดเด่นของอำเภอแห่งนี้ มากรูปด้วยกัน อย่างน้อย 7 รูปที่กล่าวถึงนี้ คือ

1. หลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ศุข ถ่ายทอดวิชาการสร้างผ้าขอด และผ้ายันต์แดง ให้หลวงปู่ศุข

2. หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง

3. หลวงพ่อปลื้ม วัดสังฆาราม

4. หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ

5. หลวงพ่อโม วัดจันทนาราม

6. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

7. หลวงพ่อพิมพ์ วัดสนามชัย 


ที่มองข้ามไม่ได้คือ หลวงพ่อโม ธมฺมรกฺขิโต แห่งวัดจันทนาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มี "วาจาสิทธิ์" ยิ่งรูปหนึ่ง

ในสมัยที่หลวงพ่อโมยังมีชีวิตอยู่ ได้สร้างเครื่องรางของขลัง คือ ตะกรุด มีดหมอ และเสื้อยันต์ แต่เหรียญปั๊มรูปเหมือน พ.ศ.2497 ซึ่งเป็นเหรียญรูปไข่ บ้างว่าพระผู้สร้างชื่อ พระมหาศรีนวล ได้สร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายนำเงินมาซื้อเครื่องปั่นไฟใช้ในวัด

แต่มีบางกระแสว่า พระมหาศรีนวลได้เดินทางมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วได้สร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อโมขึ้นมา เพื่อนำไปแจกในงานวันเกิดคุณหญิงท่านหนึ่ง โดยไม่ได้ขออนุญาตท่านก่อน แล้วจึงนำเหรียญดังกล่าวไปให้หลวงพ่อโมปลุกเสก 


หลวงพ่อโมได้ต่อว่าพระมหาศรีนวลด้วยเห็นว่า พระมหาศรีนวลไม่ได้มีความเกรงใจต่อท่าน ได้สร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนท่านโดยอำเภอใจ ไม่ได้ขออนุญาตต่อท่านเลย จึงได้ตำหนิพระมหาศรีนวล

กระนั้นหลวงพ่อโมก็ได้ปลุกเสกให้ ครั้นครบกำหนดการปลุกเสกแล้ว คุณหญิงท่านนี้ได้มารับเหรียญไป ทางกรรมการวัดก็อยากได้เหรียญไว้บ้าง แต่กว่าจะตกลงกันได้ก็ต้องพูดคุยกันยาวนาน

สุดท้ายทางวัดได้รับเหรียญปั๊มรูปเหมือนของท่านเพียง 200 เหรียญ

ด้วยเหตุนี้เหรียญปั๊มรูปเหมือนของหลวงพ่อโมจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก

วัตถุมงคลของหลวงพ่อโมที่ได้สร้างไว้ นอกเหนือจากตะกรุด มีดหมอ เสื้อยันต์ ยังมีภาพถ่ายขาวดำอัดกระจก ภาพถ่ายที่พิมพ์ขึ้น รูปพิมพ์หินหันหลังชนกับหลวงพ่อหิน ตะกรุดเมตตา สีผึ้ง และตะกรุดไม้รวกยอดด้วนพอกครั่ง

ศิษย์ที่ได้รับวัตถุมงคลจากหลวงพ่อโมล้วนต่างได้รับประสบการณ์อย่างมากมาย

แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อโม คือ "วาจาสิทธิ์"

ในการทำตะกรุดของหลวงพ่อโมครั้งแรก ท่านได้ใช้แผ่นทองแดงซึ่งมีความหนามาก ทำให้หลวงพ่อโมไม่สามารถจะม้วนเองได้ทั้งหมด จึงได้ให้ลูกศิษย์ 2 คน คือ นายทาม และ นายเมือง และลูกศิษย์ที่ชื่อนายทามได้สร้างปรากฏการณ์แห่ง

"วาจาสิทธิ์" ของหลวงพ่อโม

หลวงพ่อโม ธมฺมรกฺขิโต แห่งวัดจันทนาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้เลี้ยงสัตว์ไว้มากมายหลายชนิด หนึ่งในนั้นมีไก่ต๊อกอยู่ด้วย ไก่ต๊อกได้ออกไข่ไว้มากมาย ซึ่งหลวงพ่อโมได้มาดูบ่อยๆ วันหนึ่งสังเกตได้ว่าไข่ไก่ต๊อกได้หายไปจำนวนหนึ่ง เมื่อมาที่กุฏิที่ลูกศิษย์มาคอยท่านอยู่ บางคนมาบูชาวัตถุมงคล บางคนมาช่วยหลวงพ่อโมทำโน่นทำนี้ หลวงพ่อโมก็ได้เอ่ยขึ้นว่า "ไอ้ฟ้าผ่าผิด มันลักไข่ไก่ต๊อกกูไปกิน ของมีให้กินเยอะแยะไม่กิน เฉพาะต้องไปกินไข่ไก่ต๊อก"

อยู่มาวันหนึ่งนายทามได้ไปขึ้นต้นตาลเพื่อเอาน้ำตาลสด ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววของลมและฝนเลย ฟ้าได้ผ่าลงมาที่ยอดตาลเฉี่ยวหัวของนายทามไปอย่างหวุดหวิด จนนายทามแทบตกจากยอดตาล ต้องรีบลงจากยอดตาลลงมา ครั้นขึ้นยอดตาลใหม่ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาอีก จนนายทามต้องรีบนำดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาหลวงพ่อโม สารภาพกับหลวงพ่อโมว่าได้ขโมยไข่ไก่ต๊อกไปกิน ขอให้หลวงพ่อโมยกโทษให้ด้วย ซึ่งหลวงพ่อโมเห็นว่านายทามได้ช่วยเหลืองานวัดมาโดยตลอด จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไป "ดีนะที่เขาผ่าแค่ผิดๆ เขาไม่เอาถึงตาย ข้าเตือนเอ็งแล้ว" จากเหตุการณ์ครั้งนั้น นายทามจึงมีฉายว่า "นายทามฟ้าผ่าผิด"

อีกเรื่องหนึ่ง

นอกเหนือไปจากสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่มักมีผู้คนนำมาปล่อยที่วัด และหลวงพ่อโมได้สงเคราะห์หาข้าวปลาให้กินแล้ว ยังมีเด็กวัด ซึ่งบางคนพ่อแม่นำมาฝากให้หลวงพ่อโมอบรมสั่งสอน บางคนพ่อแม่ยากจนก็นำมาฝากให้หลวงพ่อโมช่วยสงเคราะห์เลี้ยงดู เด็กวัดเหล่านี้ หลวงพ่อโมมักเรียกด้วยความโมโหว่า "ไอ้ตายยาก" เพราะยามที่จะเรียกใช้สอยมักตามหาตัวไม่เจอะเจอกันสักคน แต่ยามกินมากันเต็ม

วันหนึ่งเด็กวัดชื่อแดง ไปเล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยความคะนองเล่นกันจนพลัดตกลงไปในน้ำขณะที่กำลังไหลเชี่ยวกรากพัดร่างลอยไป ไม่มีใครกล้ากระโดดลงไปช่วย แต่ไอ้แดงก็ตะเกียกตะกายเข้าฝั่งจนได้ เหล่าลูกศิษย์เด็กวัดเหล่านั้นเชื่อกันว่า ที่ไอ้แดงรอดชีวิตมาได้เพราะหลวงพ่อโมมักเรียกพวกเขาว่า "ไอ้ตายยาก" นั่นเอง

ยังมีเรื่องวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อโมอีกเรื่องหนึ่งที่เล่าขานกันว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งชอบมาพูดจาหยอกล้อ แลบลิ้นปลิ้นตาเล่นกับหลวงพ่อโมบ่อยๆ แรกๆ นั้นหลวงพ่อโมไม่ได้ว่ากระไร แต่ครั้นบ่อยๆ ไป หลวงพ่อโมก็ว่าไป "เดี๋ยวเอ็งก็ออกลูกเผือกหรอก เล่นแบบนี้ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง" ต่อเมื่อหญิงคนนั้นมีครอบครัว ได้ตั้งท้องคลอดลูกออกมาเป็นฝาแฝด ที่สำคัญทั้งคู่เป็น "เด็กเผือก" จริงตามคำของหลวงพ่อโมเสียด้วย

นอกเหนือไปจาก "วาจาสิทธิ์" ของหลวงพ่อโมแล้ว วัตถุมงคลของหลวงพ่อโมได้สร้าง "ปาฏิหาริย์" มานับไม่ถ้วน อย่างเรื่องของผู้กองเจิม

เดิมที่เมืองสรรคบุรียังเป็นอำเภอบ้านป่า ไฟฟ้ายังเข้ามาไม่ถึง ตกดึกมืดค่ำมักมีการลักวัว ลักควาย สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเสมอๆ ทางบ้านเมืองจึงได้ส่งผู้กองเจิม มือปราบ เข้ามาจัดการ ผู้กองเจิมผู้นี้ได้ชื่อว่ายิงปืนแม่น อีกทั้งยังชอบจับตาย เคยไปร่วมงานเลี้ยงคราวหนึ่งเจ้าภาพขอให้แสดงฝีมือการยิงปืนที่เลื่องชื่อให้ได้ชมกัน โดยได้ดับไฟแล้วดีดก้นบุหรี่ขึ้นฟ้าแล้วให้ผู้กองเจิมยิง ผลปรากฏว่าผู้กองเจิมแสดงฝีมือได้ตามคำเลื่องลือจริงๆ

วันหนึ่งผู้กองเจิมไปซุ่มดักเสือเฉียบ ซึ่งถูกผู้กองเจิมขึ้นบัญชีดำจับตายไว้ เมื่อเสือเฉียบซึ่งได้ชื่อว่าหนังเหนียวเพราะมีของดีคุ้มตัวเดินผ่านมาตรงที่ผู้กองเจิมซุ่มดักอยู่ ผู้กองเจิมได้ยิงไปที่ขาของเสือเฉียบด้วยเชื่อว่าผู้มีของดียิงไม่เข้า หากยิงบริเวณขาจะเข้าทุกคน กระสุนนัดนั้นตรงไปถูกบริเวณข้อเท้าเสือเฉียบ แต่เสือเฉียบหนีรอดมาได้ ตรงข้อเท้าปรากฏว่าไม่เข้า เพียงแต่เจ็บขัดๆ เท่านั้น

ของดีที่เสือเฉียบพกพาติดกาย คือ ตะกรุดของหลวงพ่อโม

[คางเครา]

แจมรูปให้ดูครับ เผื่อไม่ใช่คนชัยนาทผ่านมาจะได้รู้จัก

[toi]

เมื่อไหร่จะมีผู้วาจาสิทธิ์ บอกให้คนที่ซื้อเสียง คนขายเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตจะตายก็ไม่ได้ เป็นอย่างนี้ไปอีก 80 ปี ซักทีน้า

[คางเครา]

เมื่อไหร่จะมีผู้วาจาสิทธิ์ บอกให้คนที่ซื้อเสียง คนขายเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตจะตายก็ไม่ได้ เป็นอย่างนี้ไปอีก 80 ปี ซักทีน้า

..เป็นบาปนะป๋า.. และ..ยังผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยห้ามให้คุณให้โทษผู้สมัคร..

[โอ๋ ชัยนาท]

เรื่องของท่านเล่าวันนึงก็ไม่จบ สุดยอด!!