ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 24 เมษายน 2024, 09:04:51 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: รวมภาพวันงานกฐิน 9 พ.ย. 2551 http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=7221.0

+  กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท
|-+  ทั่วไทย
| |-+  ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องเเละความรู้ทั่วไป
| | |-+  กาลามสูตร กับการพิจารณาพระเครื่อง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กาลามสูตร กับการพิจารณาพระเครื่อง  (อ่าน 4836 ครั้ง)
Tawatchai1889
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2007, 11:33:20 PM »

เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ ป้องการหลงทางครับ ขอเอามาทบทวนกันหน่อยนะครับ

กาลามสูตร

สมัยหนึ่ง   พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยือนนิคมแห่งหนึ่ง  เรียกชื่อว่า  เกสปุตตะ   ในแคว้นโกศล   ชาวนิคมนี้เป็นที่รู้จัก
กันโดยชื่อสามัญว่า  กาลามะ    เมื่อได้สดับว่า  พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในนิคมของตน   ชาวกาลามะทั้งหลายจึงได้
ไปเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลว่า
"  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   มีสมณะและพราหมณ์บางพวก   ที่มาเยี่ยมเยียนเกสปุตตนิคม   สมณะพราหมณ์เหล่านั้น
อธิบายและยกย่อง    คำสอนของตนเองฝ่ายเดียวเท่านั้น   และดูถูกประณาม    เหยียดหยาม   หลักธรรมของบุคคล
เหล่าอื่น    ต่อมาก็มีสมณะพราหมณ์เหล่าอื่นมาอีก   สมณะพราหมณ์เหล่านั้นก็เช่นเดียวกัน   ต่างอธิบายและเชิดชู
แต่คำสอนของตนฝ่ายเดียว     และดูถูกประณามเหยียดหยามคำสอนของบุคคลเหล่าอื่น   
"  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย   มีความสงสัยและคลางแคลงใจอยู่เสมอว่า    ในบรรดาสมณะ
พราหมณ์ผู้น่าเคารพเหล่านี้    ใครกันหนอกล่าว    คำสัตย์จริง   และพวกไหนกล่าวเท็จ "
ลำดับนั้น    พระพุทธองค์ได้ทรงประทานคำวินิจฉัยที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ศาสนาทั้งหลาย    แก่ชาวกาลามะ
ว่า "  ถูกแล้วชาวกาลามะทั้งหลาย   เป็นการสมควรที่เธอทั้งหลาย   มีความสงสัย   มีความคลางแคลงใจ   เพราะความ
สงสัยดังกล่าวเกิดขึ้นในสิ่งที่น่าสงสัย    ดูกรชาวกาลามะ    บัดนี้พวกท่านจงพิจารณาดังนี้ คือ

อย่าเชื่อโดยการบอกเล่า
อย่าเชื่อโดยการนำสืบๆกันมา
อย่าเชื่อโดยการเล่าลือ 
อย่าเชื่อโดยการอ้างคัมภีร์
อย่าเชื่อโดยการยึดหลักตรรกศาสตร์
อย่าเชื่อโดยการพิจารณาอาการภายนอก
อย่าเชื่อตามความชอบใจคาดเดาของตน
อย่าเชื่อโดยเห็นว่าน่าจะเป็นไปได้
อย่าเชื่อโดยคิดว่าผู้นี้เป็นครูของเรา


        "ดูกร    กาลามชนทั้งหลาย   เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า   ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอกุศล
ผิดพลาด  ชั่วร้าย    เมื่อนั้นท่านทั้งหลาย    จงละทิ้งธรรมเหล่านั้นเสีย   ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเป็นกุศล    ดีงาม  เมื่อนั้น
จงยอมรับเอาธรรมเหล่านั้น  ประพฤติปฏิบัติตามธรรมเหล่านั้นเถิด "


หนังสืออ้างอิง -    Walpola sri Rahula , พระพุทธเจ้าสั่งสอนอะไร,  ชูศักดิ์  ทิพย์เกษรและคณะ  แปล,  กรุงเทพ ฯ, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,  ๒๕๓๒ .

ที่มา : เว็บวัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
บันทึกการเข้า
Tawatchai1889
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 12:04:12 AM »

มีคนชอบถามว่าทำไมผมถึงนับถือ บูชา แขวนพระหลวงพ่อกวยล่ะ

อืม.............จะตอบยังไงดี........

ความเหมือนที่แตกต่าง

เกจิอื่นก็ดีเหมือนกันครับก็เคารพนับถือเช่นกันครับ แต่เกจิที่รักลูกศิษย์มีน้อยครับ ทั้งที่เราก็ไม่เห็นว่าท่านมีชีวิตอยู่ ก็ยังเหมือนว่าท่านคอยดูแลศิษยืทุกคนอยู่ใกล้ๆ อบอุ่นจริงๆครับ  ยิ้ม

แค่นี้เองครับ

แค่อยากระบายความรู้สึกนะครับ คงไม่ว่ากัน เพราะไม่รู้จะเอาไปเขียนกระทู้ไหนดีครับ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
kunchatree
Register Member
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 453



« ตอบ #2 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 08:37:01 AM »

เกจิอื่นก็ดีเหมือนกันครับก็เคารพนับถือเช่นกันครับ แต่เกจิที่รักลูกศิษย์มีน้อยครับ ทั้งที่เราก็ไม่เห็นว่าท่านมีชีวิตอยู่ ก็ยังเหมือนว่าท่านคอยดูแลศิษยืทุกคนอยู่ใกล้ๆ อบอุ่นจริงๆครับ 

แค่นี้เองครับ



เหมือนผมเลยครับ  รักหลวงพ่อมากเลยครับ
บันทึกการเข้า
gunta
Register Member
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 371


...... นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ .....


« ตอบ #3 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 09:06:07 AM »

เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ เลยครับ  ยิ้ม
บันทึกการเข้า

ขอศิษย์ทั้งหลาย ไม่อดไม่อยาก ไม่ยากไม่จน ไม่ต่ำกว่าคน ไม่จนกว่าเขา
DIN_o2
Register Member
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 154



« ตอบ #4 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 10:05:43 AM »

  ยิ้มกว้างๆ ดีครับที่นำธรรมข้อนี้มาเผยแผ่ เมื่อก่อนผมก็งงกับธรรมข้อนี้มากครับเพราะไม่รู้ว่าวจะให้เราเชื่ออะไร เพราะทุกอย่างที่อยู่ในธรรมข้อนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เรารับรู้ข้อมูลทั้งนั้น อย่างไม่ให้เชื่อคนอื่น,ตามคำบอกเล่า,ตามคำเล่าลือตามคำกล่าวอ้าง, ฯ หัวข้อเหล่านี้ก็เข้าใจอยู่ทำไมไม่ให้เชื่อ แต่จะสงสัยอยู่ สองหัวข้อครับ 1.อย่าเชื่อถือโดยการอ้างตำรา 2.อย่าเชื่อถือโดยการนับถือว่าเป็นครูของเรา ผมก็งงว่าทำไมไม่ให้เชื่อครูของเราและตามหนังสือ จนมาได้รู้กับตัวเองว่าจริงอย่างธรรมข้อนี้กล่าว คือครูบาอาจารย์บางท่านแนะนำผิดๆ เช่น ในบางเรื่องที่ท่านไม่รู้ท่านก็จะบอกว่ารู้ คือตอบศิษย์ได้ทุกคำถาม แต่ เป็นคำตอบที่ท่านไม่ได้รู้จริง(กลัวเสียหน้า) ผิดกับบางท่านที่ไม่รู้ ท่านก็บอกไม่รู้ (ไม่ใช่เรื่องน่าอาย) โดยบางที่ท่านให้ศิษย์หาคำตอบเอาเองเพื่อจะได้รู้ลึกรู้จริง รู้ด้วยตนเอง ซึ่งธรรมข้อนี้โดยสรุป ก็คือให้หาคำตอบด้วยการลงมือทำเอง ศึกษาด้วยตัวเองด้วย และนำอย่างอื่นมาเป็นองค์ประกอบโดยรวม หาเหตุผลที่แท้จริง ก็จะได้คำตอบที่แท้จริง (เป็นเรื่องในอดีตนะครับ)
*ป.ล ในธรรมหมวดนี้มี 10 ข้อนะครับ แต่ด้วยเหตุผลของผู้แปล หรือ อย่างไรไม่ทราบ ถึงเหลือ 9 ข้อได้
ขอบคุณมากครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

โอวาทของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

" บุญ" ถ้าเจ้าไม่เคยสร้างไว้ ใครที่ไหนเล่าจะมาช่วยได้ ลูกเอ๋ย ก่อนที่เจ้าจะเที่ยวไปอ้อนวอนขอพึ่งบารมีหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่ง เจ้าจะต้องมีทุน (บุญ) ของตัวเอง เป็นทุนเดิมติดตัวไปบ้างก่อน ต่อเมื่อบารมีของตัวเจ้าเองยังไม่พอ จึงขอร้อง ยืมบารมีของผู้อื่นมาช่วยเหลือ ถ้ามิฉะนั้นแล้วเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะเจ้าจะต้องเป็นหนี้บุญบารมีที่เจ้าร้องขอ หรือยืมคนเขามาจนล้นพ้นตัว ครั้นเวลาใดที่เจ้ามีโอกาสทำบุญทำกุศลบ้าง เรียกว่า พอจะมีบุญบารมีเป็นของตัวเองบ้าง เจ้าก็จะต้องไปผ่อนใช้หนี้ที่เจ้าเคยขอร้องยืมเขามาจนหมดสิ้นแทบไม่เหลือ สำหรับตัวเอง แล้วเจ้าจะมีบุญกุศลใดติดตัวไว้จุนเจือตัวเองในภพหน้าที่ยังจะต้องเวียนว่าย ตายเกิด อันเป็นวัฏฏทุกข์ที่เราพุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะต้องรับรู้ รับทราบ ถ้าเรามั่นใจในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น เจ้าจงหมั่นสะสมบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ไว้อย่างสม่ำเสมอ เทพยดา ฟ้าดินจะเอ็นดูช่วยเหลือเจ้าเอง
Tawatchai1889
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 11:11:05 AM »

 ยิงฟันยิ้ม งั้นแก้ไขครับ 10 จริงๆเป็นดังนี้ครับ

ที่มา : http://www.geocities.com/Heartland/Fields/9416/article/article6.html

กาลามสูตร

       มีหลายสิ่งหลายอย่างหรือหลายเหตุการณ์ ทำให้เราสงสัยว่าจริง ไม่จริง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง มีโทษ ไม่มีโทษ ควรที่เราจะเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด แต่ในส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะได้คิดกัน หรือสงสัยกัน จะเชื่อถือหรือรับเอามาปฏิบัติโดยทันทีที่เขาบอกว่าดี ถูกต้องแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็บอกได้เลยว่าสังคมเรากำลังอ่อนแออย่างมาก ถูกปั่นหัวได้โดยง่าย ยิ่งทุกวันนี้การสื่อสารมีประสิทธิภาพสูงมาก เมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก เพียงชั่วครู่ก็สามารถกระจายข่าวให้รับรู้กันได้ทั่วโลก ในแต่ละวันเราได้รับข่าวสารมากมายและมันก็ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะถูกต้องดีงามไปทั้งหมด

       เพราะฉะนั้นการรับเอาข่าวสารควรมีการพิจารณาเสียก่อน เพื่อไม่ให้ผิดผลาดหรืองมงายไป ในสมัยพุทธกาล ชนชาวกาลามะแห่งเกสปุตตนิคมในแคว้นโกศล มีครูบาอาจารย์สอนเรื่องดับทุกข์อยู่อย่างมากมาย พวกหนึ่งสอนอย่างหนึ่ง อีกพวกหนึ่งก็สอนอีกอย่างหนึ่ง จนชาวบ้านไม่รู้ว่าคำสอนไหนที่เชื่อถือได้ จนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จผ่านมา จึงทูลถามเรื่องที่พวกเขากำลังงงกันไปหมดแล้ว ไม่อาจทราบได้ว่าข้อปฏิบัติอย่างใดจะดับทุกข์ได้โดยตรง

       ลักษณะเช่นนี้ เราน่าจะนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบันนี้บ้าง เพราะปัจจุบันมีเหตุการณ์มากมายที่เรางงกันว่าถูกต้องเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น การทำอะไรๆให้มันใหญ่ที่สุดในโลก รู้สึกว่าจะนิยมทำกันมาก เตียงใหญ่ที่สุดในโลก กระทะใหญ่ที่สุดในโลก ธูปใหญ่ที่สุดในโลก โบสถ์ใหญ่ที่สุดในโลก เจดีย์ใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ สร้างแล้วอานิสงส์แรง จะได้สวรรค์วิมานสมบัติ สิ่งเหล่านี้ทำได้ก็แต่คนที่บ้าที่สุดในโลกเท่านั้น แล้วมันก็ใหญ่ได้แต่เพียงเท่านั้น ทำประโยชน์ได้คุ้มค่ากับราคาแสนราคาล้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังมีอีกหลายสถานการณ์ที่ไม่สามารถกล่าวได้หมด ฉะนั้นจึงควรอาศัยหลักการแก้ไขปัญหาอย่างนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพิจารณาดู คือ พระองค์ทรงตรัสสอนคนเหล่านั้นว่า

       ๑. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา
       ๒. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)
       ๓. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง
       ๔. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)
       ๕. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ
       ๖. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง
       ๗. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ
       ๘. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน
       ๙. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ
     ๑๐. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา

       ต่อเมื่อใดพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้วจึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น เรียกว่า กาลามสูตร หรือ เกสปุตติยสูตร หรือ เกสปุตตสูตร

       แม้จะอ้างว่าบอกต่อๆกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว มันก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะถูกต้อง ดี มีโทษ ไม่มีโทษ ฯลฯ เสมอไป หรือบอกว่าฉันเห็นมากับตาตัวเองเลยว่าเป็นจริง แม้ยืนยันอย่างนี้ก็ยังเชื่อโดยทันทีไม่ได้ แน่ใจหรือว่าอะไรๆที่เราเห็นจะเป็นจริงดังที่เราเห็น ในตอนเช้าหรือตอนเย็น เราเห็นพระอาทิตย์ติดกับพื้นโลก ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ที่เส้นขอบฟ้าเราเห็นท้องฟ้าติดกับพื้นดิน แล้วมันเป็นจริงดังที่เห็นหรือเปล่า เรามองไปบนถนนในตอนกลางวันเห็นถนนมีน้ำอยู่ทางด้านหน้า แต่พอเราเข้าไปใกล้มันกลับหายไป(พยับแดด) เห็นไหมว่ามันไม่แน่หลอกว่าที่เราเห็นจะเป็นจริงไปซะหมด หรือแม้แต่การปฏิบัติต่อๆกันมา ร่วมไปถึงประเพณีต่างๆด้วย บางประเพณีถือปฏิบัติกันมาอย่างผิดๆก็มี และส่วนมากจะตื่นเต้นไปกับการร่ำลือ ที่โน้นดี มีของศักดิ์สิทธิ์ ให้หวยแม่น อย่างนี้ชอบ แล้วก็แห่แหนกันไป แม้จะต้องเสียเงินเสียทองจ้างรถหรือจ่ายค่าหลอกลวงอะไรต่างๆก็ยอม ขอให้ได้สนองความมัวเมาของตัวเองเถอะเป็นเอาทั้งนั้น แต่การทำตนเองให้ศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ค่อยมีใครอยากทำกัน เพราะฉะนั้นเราเห็นอะไรก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินอะไรก็สักแต่ว่าได้ยิน อย่าด่วนตัดสินใจรับหรือปฏิเสธโดยทันที

       คนไทยเราสมัยนี้ด้อยคุณภาพเป็นอย่างมาก คอยแต่จะหวังพึ่งของขลังศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ไม่เคยคิดทำด้วยความเพียรพยายามของตนเอง ไม่คิดพัฒนาตนเอง แล้วในที่สุดมันก็ตกอยู่ในความประมาท ปล่อยให้วันคืนผ่านไปเปล่า สิ่งที่ทำด้วยความสามารถของตนเองไม่มีเกิดขึ้นมาให้เสริมคุณค่าของตนเองเลย แล้วมันก็ขาดอิสระภาพ ตกเป็นทาสของขลังศักดิ์สิทธิ์ ต้องคอยส่งส่วย ต้องคอยหาของมาเซ่นไหว้กลัวว่าจะไม่ช่วย บางทีไม่ได้ตามที่ต้องการก็คิดไปว่าเราคงติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อยไป ต้องนำมาให้มากกว่านี้ แล้วอย่างนี้จะหาคุณค่าที่น่าภูมิใจได้ที่ตรงไหน

       บ้างก็เชื่อง่ายดายเพียงเพราะรูปร่างลักษณะต่างๆดี ดูแล้วมันน่าเชื่อถือ ใจง่ายอย่างนี้โดนหลอกมานักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทางโทรทัศน์ ทางหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ หรือแม้แต่การโฆษณาตามวัดบางวัด อวดอ้างอิทธิปาฏิหาริย์ แล้วญาติโยมก็ชอบซะด้วย เราได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัท ก็ควรที่จะรู้บ้างว่าสิ่งใดเปลือก สิ่งใดคือแก่นของพระพุทธศาสนา จะเป็นพุทธบริษัทก็ควรเป็นให้สมบูรณ์ มีคุณค่า มีปัญญา อย่าเป็นเพียงพุทธบริษัทที่ด้อยคุณภาพ

       ไม่มีศาสนาใดอีกแล้วที่ให้ความอิสระทางความคิดความเชื่อได้เท่าพุทธศาสนา ยืนยันได้จากข้อสุดท้ายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "มา สมโณ โน ครูติ" อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สมณะนี้เป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา หมายถึงพระองค์เองโดยเฉพาะเลย แม้พระองค์ตรัสเองก็อย่าเพิ่งเชื่อโดยทันที ลองใช้ปัญญาพิจารณาดูก่อนแล้วจึงตัดสินใจเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ

       อย่าถือปฏิบัติเสียจนสุดโต่งไปเลย ไม่ยอมเชื่ออะไรเสียเลย เช่น หมอให้ยามากินเพื่อรักษาอาการไข้ แต่แล้วก็ไม่ยอมกิน เพราะว่ายังไม่เชื่อว่ายานี้จะสามารถรักษาไข้ได้ อย่างนี้ก็เกินไป แล้วจะหายไข้ได้อย่างไร ก็ควรกินไปก่อน ถ้าหายแล้วก็ค่อยเชื่อก็ได้

       และท้ายนี้ก็ขอแสดงความหวังว่า จะไม่นำกาลามสูตรนี้มาอ้างว่าเรายังไม่เชื่อว่าธรรมะนี้จะสามารถดับทุกข์ได้จริง จึงไม่ปฏิบัติธรรมกัน อย่างนี้ก็เท่ากับทำตัวให้ต่ำลงไปอีก ยอมรับเสียว่าเรายังไม่มีปัญญาพอที่จะสามารถไตร่ตรองธรรมะได้ ก็ลองปฏิบัติตามพระพุทธองค์ไปก่อน(เรียกว่าใช้ศรัทธานำหน้าไปก่อน) ต่อเมื่อใดที่รู้แจ้งธรรมด้วยปัญญาอันแท้จริงแล้วว่าสามารถดับทุกข์ได้จริง จึงค่อยเชื่อก็ได้
บันทึกการเข้า
toi
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2007, 10:21:07 PM »

ยอดเยี่ยมมากๆครับ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
คางเครา
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,475



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2007, 02:17:12 AM »

ผมม่ายยยยย..เชื่อ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

เขามีส่วนเลวบ้าง ข่างหัวเขา  จงเลือกเอาส่วนดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ แก่โลกบ้าง ยังน่าดู  ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
KISANA
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47


« ตอบ #8 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2007, 09:29:50 AM »

ถือว่าเป็นความรู้(สึก) จะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!