Subject: FW: เตือนภัยพายุใหญ่ถล่มประเทศไทย
Date: Wed, 13 Aug 2008 04:41:50 +0000
> ระวังกันด้วยนะครับจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ ช่วงปลายเดือน สิงหาคม
> และเดือนกันยายน ตุลาคม
> เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภัยพิบัติแห่งชาติที่เป็นลูกศิษย์ของพระเกจิอาจารย
> ์(วัดเสาธงเรียง)
> ที่เพชรบุรีเตือนมา และ พระท่านก็ย้ำตอนไปถวายผ้าขาวห่อศพจำนวน 200
> ผืน(มีผู้มีจิดศัทธาร่วมบริจาคด้วย)
> ที่วัดที่เพชรบุรีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
> หลังจากท่านได้นั่งสมาธิเพราะท่านเป็นพระปฎิบัติและได้นิมิตว่ามีศพลอย
>! เกลื่อน ซึ่งสอดรับกับหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการเตือนภัยพูด “
> ท่านเลยขอรับบริจาคผ้าขาวห่อศพ เพราะคนจะตายจำนวนมากครับ
> และให้เราเตรียมตัว ”
> ว่าจะเกิดท่วมและโดนพายุไชโคลนยิ่งกว่าพายุนากิช สอง หรือ สามเท่า
> และดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจะทรุด (แถวๆ ตึก state Tower)
> ให้ระวังเรื่องแผ่นดินทรุดน้ำท่วมอย่างฉับพลันด้วยครับ หลัง
> โดนพายุ เข้าทาง “ อ่าวไทย “ น้ำท่วมสูงเท่าตึกสองชั้นครับ 4-6 เมตร
> คิดว่ากรุงเทพปริมณทลคงไม่รอดแน่ รวมถึงจังหวัดที่โดนด้วย
>
> ถ้าขนาดนั้นผมคิดว่าไฟฟ้าคงดับ น้ำประปาคงไม่ไหล ธนาคารไม่เปิด
> ห้างไม่เปิด ตลาดไม่มีของขาย
> แล้วเราจะทำตัวอย่างไรในภัยพิบัติครั้งนี้ครับเพราะคิดว่าถ้าเกิดจริงก็น่
> าจะลำบากไปอีกหลายเดือน
> ครับ
>
> การเตรียมการดังนี้ครับ (สำหรับความลำบากเป็นเวลาเดือนหรือ สองเดือน)
> 1. เตรียมแสงสว่าง ซื้อเทียน ไม้ขีดไฟ ตุนไว้ครับไฟฟ้าดับแน่นอน
> &n! bsp;2. เตรียม น้ำสะอาดไว้ดื่ม และ ชำระร่างกาย เช่น ถังน้ำตุนน้ำไว้
> 3. เตรียม ข้าวสาร อาหารแห้ง แก๊ชสำหรับหุงต้ม
> 4. ถุงดำเล็ก ใหญ่ ไว้ทิ้งขยะและปลดทุกข์
> 5. เก็บของขึ้นที่สูงไว้ป้องกันน้ำท่วม
> 6. เตรียมกระสอบทรายไว้กั้นเวลาน้ำจะเข้าบ้าน หรือทรัพย์สิน
> 7. อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ เช่น นกหวีด ชูชีพ
> 8. อยู่ห่างตึกหรืออาคารสูงถ้าเกิดแผ่นดินทรุดครับ
> 9. ติดตามข่าวสารเรื่องภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง
>
> เตรียมตัวไว้ดีกว่าครับถ้าไม่เกิดก็เอาที่ตุนไว้มาใช้มากิน
> ไม่เสียหาย
> อาจจะคิดว่าบ้า ไปเชื่อพระ แล้ว
> ที่เจ้าหน้าศูนย์เตือนภัยแห่งชาติเตือนละควรฟังเขาไหม
> ถึงแม้ว่าเขาคาดการก็ตาม ถ้าจริงขึ้น
> มาละ คุณๆจะเอาตัวรอดกันยังไงเตรียมตัวไว้ดีกว่าครับไม่เสียหาย
> ถึงตอนนั้นก็คงต้องช่วยตัวเองและครอบครัวตัวเองแล้วครับ
> ถ้าจะให้ดีก็อย่าเดินทางไปแถวชายทะเลกันตอนปลายๆเดือนสิงหา! คมละ
> กันครับอยู่ใกล้บ้านจะได้ช่วยเหลือครอบครัวและทรัพย์สิน
>
> โทรสอบถามเรื่องภัยพิบัติต่างๆในประเทศ
> CALL Center 1860 ทั่วประเทศ
> เว็บที่รายงานเรื่องแผ่นดินไหวแบบเรียบไทม์ (ทุกๆๆชั่วโมง) ทั่วโลก
>
http://www.hdrtnsrs.com/>
> รายงานแผ่นดินไหวในประเทศ
>
http://www.hdrtnsrs.com/Earthquake_local.htm>
> รายงานแผ่นดินไหวที่ผ่านมานอกประเทศ
>
http://www.hdrtnsrs.com/Earthquake_June08.htm!
>
> รายงานแผ่นดินไหวของกรมอุตุนิยมวิทยา
> &nb sp;
http://www.tmd.go.th/earthquake_report.php>
> เส้นทางเดินพายุโดยกรมอุตุนิยมวิทยา
>
http://www.tmd.go.th/storm_tracking.php>
> เรดาห์ตรวจสอบอากาศผ่านดาวเทียม
>
http://www2.tmd.go.th/radar/>
> แผนที่อากาศผ่านดาวเทียม
>
http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html>
> ! อ้างอิงอีกรอบจากหนังสือพิมพ์
> วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน 2551
> สมิทธ ฟันธง ส.ค.-ต.ค. พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย ทำให้กทม.จมบาดาล
> ระบบประปาพินาศ
> Posted by pagmanny , ผู้อ่าน : 210 , 13:35:13 น. | หมวดหมู่ :
> เก็บมาฝาก (Embedded image moved to file: pic05021.gif)
>
http://blog.spu.ac.th/images/print.gifพิมพ์หน้านี้
>
>
>
>
>
> สมิทธ ฟันธง ส.ค.-ต.ค. พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย ทำให้กทม.จมบาดาล
> ระบบประปาพินาศ คนเมืองหลวงไม่มีน้ำใช้
> จี้หน่วยงานรัฐเร่งหามาตรการรับมือโดยด่วน ขณะที่อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานฯ
> หวั่น ! วัดพระแก้ว
> เสียหายหากเกิดน้ำท่วมพระบรมมหาราชวัง
>
> ;
> ดร.สมิทธ
> ธรรมสโรช
>
> ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
>
> การออกมาแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติคร
> ั้งใหญ่
> ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครของ
> ดร.สมิทธ
> ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติ
> แห่งชาติ ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ในการเสวนาเรื่อง
> แผนรับมือวิบัติภัยในมหานครกรุงเทพ ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนาเมื อง
> กรุงเทพมหานคร การเสวนาครั้งนี้มี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ
> กรุงเทพมหานคร ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์
> หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน
> จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานแห่ง
> &n! bsp; ประเทศไทย
> ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเสวนา
>
> ดร.สมิทธ กล่าวว่า จากการศึกษาและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด
> พบว่า
> ภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ
> ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ซึ่งเกิด
> จากสภาวะโลกร้อน
> โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมา
> ก
> ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า
> หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ
> รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547
> ถึงปัจจุบัน
> ซึ่งการเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน
> จ.เชียงราย
> และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลงมาได้
>
> ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ กทม.อาจได! ้ร ั
> บผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2
> รอย คือ รอยเลื่อนศรี สวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี
> หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผล
> ให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก
> และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี
> จ.นครปฐม และ กทม.
>
> 'กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินเลน เมื่อได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว
> ระยะสั่นสะเทือนจะขยายตัว 2-3 ริกเตอร์ ทำให้อาคารที่สูงไม่เกิน 6 ชั้น
> อาจแตกร้าวและพังทลายลงมา ส่วนอาคารสูงไม่น่าเป็นห่วง
> เพราะวิศวกรได้ออกแบบอาคารไว้รองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม
> ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีความพร้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหว
> โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติ
> หาก
>
> เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงอาจทำให้เกิดความเสียหายมาก' ดร.สมิทธ กล่าว
>
> ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า
> ภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง
> เนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้นนั้น
> ! จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพายุที่เกิดในมหาสมุท ร
> อินเดียจะมีแรงลมสูงมากถึงขนาดเป็น
> ไซโคลน แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว คือ พายุไซโคลนนาร์กีส
> ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง
> 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า
> แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความรุนแรงถึง
>
> ระดับ 4
>
> 'ผมขอทำนายว่าในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมนี้
> จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้านอ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร
> จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์
> สตรอม เสิร์ช (Strom Search) หรือ น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น
> ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา
> และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้
> เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์
> และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค'
> ดร.สมิทธ
&! gt; กล่าว
>
> ด้าน นายต่อตระกูล กล่าวว่า
> มีค วามเป็นห่วงว่าหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นจริงจะทำให้อาคารและสิ่งปลูกสร้า
> งที่สำคัญหลายแห่งเสียหาย
โดยเฉพาะวัดพระแก้ว
> ซึ่งก่อสร้างในสมัย ร ัชกาลที่ 1 ไม่ได้มีการฝัง
> เสาลงดิน
> หากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่พระบรมมหาราชวังก็จะทำให้เสื่อมความแข็งแรงลงอย่า
> งรวดเร็ว
>
> หลังการเสวนา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ดร.วัฒนา กันบัว
> ผู้อำนวยการฝ่ายอุตุนิยมวิทยาทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา
> เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพายุใหญ่พัดถล่มประเทศไทยตามที่
> ดร.สมิทธ
> กล่าวใน
> การเสวนา ดร.วัฒนา ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ช่วงเดือนสิงหาคม -
> ตุลาคม
> อาจจะเกิดพายุใหญ่ถล่มประเทศไทย เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน
> อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้า
> ประเทศไทย
> จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้
> ง
>! อย่างเช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา
> ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้นในช่วงนี้
>
> ดร.วัฒนา กล่าวต่อว่า
> สภาวะโลกร้อนอาจส่งผลให้ความรุนแรงของพายุเพิ่มมากขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า
> หากพายุพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นเมืองก็อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก
> โดยเฉพาะหากพายุเคลื่อน
> เข้าประเทศไทยทางฝั่งภาคตะวันออกจะทำให ้ เกิดผลกระทบต่อพื้นที่
> กทม.โดยตรง
> ซึ่งมีความเป็นห่วงว่า
> หากมีพายุพัดเข้าบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใ
> ห้แก่
> กทม.
> เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีการสร้างเขื่อนกั้นริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายจ
> ุด
> แต่การสร้างเขื่อนที่ผ่านมาทำเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำเหนือไ
> หลหลาก
> ไม่ได้มีไว้รองรับพายุที่พัดเข้ามาทางปากแม่น้ำ
> เจ้าพระยา
> ขณะนี้บริเวณปากแม่น้ำยังไม่มีการก่อสร้างเขื่อน
> หา! กเกิดพายุพัดกระหน่ำจริง
> เขื่อนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให ้เกิดน้ำท่วมได้
>
> ดร.วัฒนา กล่าวด้วยว่า
> มีความเป็นห่วงว่าหากช่วงเวลาที่เกิดพายุตรงกับช่วงที่ระดับน้ำทะเลขึ้นสู
> งสุดจะยิ่งทำให้เกิดความเสีย
หายร้ายแรง
> เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์พัด
> กระหน่ำบริเวณชายฝั่ง
> หากอาคารบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งไม่แข็งแรงก็จะสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้
> งชีวิตและทรัพย์สิน
ของประชาชน
> ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยามีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะ
> แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ทั้งนี้
> หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย
> โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอพยพผู้ประสบภัย
> เพราะขณะเกิดเหตุภัยพิบัติหากมีการอพยพประชาชนออกจาก
>
> พื้นที่ประสบภัยได้รวดเร็ว
> ความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนก็จะลดน้อยลง
>