ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 16 เมษายน 2024, 06:46:53 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: เชิญบูชาล็อกเก็ตหลวงพ่อกวย บรรจุมวลสารพิเศษ http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=8540.0

+  กระดานสนทนา วัดโฆสิตาราม (บ้านแค) จ.ชัยนาท
|-+  ทั่วไทย
| |-+  สนทนา, ถาม-ตอบ ทุกเรื่อง
| | |-+  เรื่องที่คนเล่นพระต้องรู้ แต่เซียนพระไม่อยากอ่าน (คัดบทย่อ เวปพี่อุ๊มาครับ)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่คนเล่นพระต้องรู้ แต่เซียนพระไม่อยากอ่าน (คัดบทย่อ เวปพี่อุ๊มาครับ)  (อ่าน 65903 ครั้ง)
โอ๋ ชัยนาท
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,984


นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ


« เมื่อ: 21 สิงหาคม 2009, 08:56:27 PM »

บทความของ คุณ wertex ขอบคุณมากครับ

เรื่องที่คนเล่นพระต้องรู้ แต่เซียนพระไม่อยากอ่าน(เมื่อสมันน้อยหาญกล้าวิจารณ์เซียน 
 
เมื่อสมันน้อยๆ หาญกล้าวิจารณ์เรียน(เรื่องที่คนเล่นพระต้องรู้แต่เซียนไม่อยากอ่าน)

          วันนี้เรามามองเซียนพระเครื่องกันดีกว่า แต่ขอออกตัวก่อนนะครับว่า เซียนที่ดีก็มีครับแต่น้อยมากๆเฉลี่ยร้อยละไม่เกิน 10 คนครับ

           บทความนี้เขียนขึ้นจากการที่ รู้เห็นการกระทำของคนในวงการพระทั้งที่เป็นที่ยอมรับและไม่ยอมรับของสังคมเป็นระยะมาหลายสิบปี  ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ให้เพื่อนนักนิยมพระทั้งหลาย รู้จักการวางตัวและการคบหากับเซียนเล็กเซียนใหญ่ทั้งหลายให้ถูกต้องและอย่าได้ถลาลึก จะได้รอดจากปากเหยี่ยว ปากกา หรือสมควรเรียก เสือ สิงห์ กระทิง แรด จะถูกต้องกว่า....

           1.ความเป็นเขี้ยวลากดิน

              ความเป็นเขี้ยวลากดินนี้ในวงการพระก็เป็นเรื่องแปลก ไม่มีใครสอนหรือเปิดอบรมแต่มันเป็นขึ้นมาเองโดยสิ่งแวดล้อม เรียกตามแนวศิลป์อาจจะเรียกว่า สืบทอดกันมาโดยจิตวิญญาณ 55  อันนี้มองเป็นเป็นรูปธรรมได้ไม่ต้องใช้ความรู้สึก เช่น เวลาท่านนำพระแท้ๆไปแห่ขาย(ขอให้เป็นพระที่วงการเล่นหากัน เอาเป็นว่าพอนิยมกันนะครับ) จะได้คำวิพากวิจารณ์และการตีสีหน้าของเซียนเวลาส่องพระ ไม่รู้ท่านพวกนี้ทำไมต้องทำสีหน้าเครียดเหมือนเวลาญาติสนิทตัวเองป่วยไม่ทราบ พร้อมกับถามว่า “ตีไว้เท่าไร” (อันนี้คือเรียกว่ากฎหัวขาด ห้ามให้ราคาก่อนเผื่อคนเอาพระมาขายเป็นเอ๋อ) พอเราบอกไปจะได้ยินคำพูดต่อคือ “ลดได้เยอะมั้ย” พร้อมคำวิพากวิจารณ์แบบเรียกว่า เจ้าของพระได้ยินแล้วอยากจะขว้างพระตัวเองทิ้งตอนนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปซะเลย เมื่อพูดคุยถึงจุดสุดท้ายราคาที่ได้คือ ราคำที่ต่ำกว่าราคาขายท้องตลาด หาร 2 หาร 3 นู่น..........

            2.มาดเหลือแดรกกก....มากับเล่ห์เพทุบาย..

               อันนี้ก้อต่อเนื่องจากข้อแรก คือเวลาเจอพระก้ำกึ่งหรือพระที่ดูยาก หรือพระที่ มีการสร้างคล้ายกันหลายสำนักแต่ตีไม่ออกว่าที่ไหน จะมีการกวักหรือโทรเรียก(อันนี้ตัวผมเรียกว่า เซียนรับเชิญ) เซียนสายตรงเป็นท่อมา ฮาๆๆๆๆ คราวนี้เรารอสักแป๊ป ก็จะเห็นเซียนที่ถูกเชิญมา  ทั้งท่าเดิน ที่บางคนก็เดินถ่างขา ดูเหมือนคนเป็นซิฟิลิส(โรคคนแก่รุ่นเก๋า)ยังไงยังงั้น พร้อมสีหน้าเครียดอีกเหมือนกัน(คราวนี้ตีสีหน้าเหมือนรู้ว่าเมียมีชู้) พวกนี้ดูดีๆก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ รูปร่างหน้าตาส่วนใหญ่มักผิดระเบียบส่วนใหญ่หน้าตาน่ากลัวทั้งนั้น ชะลอยจะเหมือนคนโบราณว่า บุญทำกรรมแต่งเมื่อทำชั่วมากๆหน้าตาก็จะเริ่มเปลี่ยนไปในด้านมืด ภาษาอังกฤษเรียกDark Side 55(มองดูไม่น่าคบแววตาจะระแวดระวังตัว แต่ก็คอยมองหาเหยื่อเช่นกัน(ก็กลัวงาบโดนกระดูกติดC-4) ดีอยู่อย่างพวกนี้ส่วนใหญ่ได้เมียหน้าตาดี อิอิ..แล้วก็เหมือนเดิมครับ..คำพูดคำวิจารณ์ไม่ต่างกับเซียนท่านแรกแต่ที่มาแปลก คือคำตัดสิน ผมเคยนำกริ่ง หม้อน้ำมนต์โต เจ้าคุณศรี(สนธุ์) วัดสุทัศน์ไปปล่อยที่ท่าพระจันทร์ อ้ายเซียนรับเชิญ กลับตีเป็น ล.พ.ห้อง วัดช่องลมซะฉิบ! ซึ่งราคาค่านิยมต่างกันริบ แต่มันคงเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ที่ขาดซึ่งความสำนึก ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ดีนะครับที่ไม่ได้ขายไป แต่นำมาลงหนังสือขายได้เงินหลายหมื่นพวกท่าพระจันทร์ตอนนั้นตีเป็น ล.พ.ห้อง วัดช่องลมให้สี่ห้าพัน...

             3.บุญคุณไม่ตอบแทน.....แต่ ถ้าม รึ งแร้นแค้นกรู..ไม่คบ

              เมื่อสมัยก่อน ประมาณปี2536-2540 ผมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง พอมีเงินหมุนสบาย และชอบเช่าพระเก็บไว้ เช่น สาย ล.พ.พรหม, สาย วัดปากน้ำ, ล.ป.โต๊ะจนสนิทกับเซียนสายตรงท่านหนึ่งเพราะเช่าพระเขาเป็นเงินหลายๆแสน ในสาย ล.พ.พรหม ซึ่งตอนนั้นพระ ล.พ.พรหม ราคาไม่แพงมากเรียกว่าซื้อง่ายขายคล่อง มีพระ ล.พ.พรหม เป็นจำนวนมาก เมื่อตอนเซียนท่านนั้นจะซื้อบ้าน แต่ยังขาดสภาพคล่อง ได้เอ่ยปากขอยืมเงิน200,000.-เดือนกว่าจะให้คืน  ผมหยิบเช็คเซ็นต์ให้ทันที โดยไม่คิดดอกเบี้ยและบอก มีเมื่อไรค่อยคืนก็ได้  แต่ประมาณเดือนกว่าก็ได้คืนครับ ก็นับว่าเครดิตเซียนท่านนี้ใช้ได้ทีเดียว จนมาถึงเมื่อพิษเศรษฐกิจ ปี2540 เกิด นักธุรกิจล้มระเนระนาด ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดือดร้อนมากที่สุด  ได้นำพระ ล.พ.พรหม ที่มีเป็นกล่องๆไปขายให้เซียนท่านนั้นเพื่อนำไปจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงาน แต่คำตอบที่ได้คือ “ไม่อยากตีราคาให้คุณ..(ชื่อผม)..เลย ฝากที่ร้านขายให้ดีกว่านะ”   อันนี้ผมเข้าใจครับเพราะถ้าเขาตีราคาให้ก็คงต่ำกว่าท้องตลาดเป็นครึ่งๆจึงไม่กล้าตีให้ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยเอ่ยปาก ขอยืมเงิน แค่ 3000บาท แต่คำตอบที่ได้คือ การปฏิเสธ อันนี้ขอเตือนเป็นข้อคิดนะครับว่า เซียนท่านนั้นคงเห็นผมตกอับ แล้ว ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนก็เลยไม่กล้าให้ยืม ชะลอยจะคิดว่าแต่ก่อน กรูยืมมึงเป็นแสน มรึงมีให้ แต่ตอนนี้ มรึงกับมายืมกรูแค่สามพัน 55 เรื่องไรกรูจะให้  ยังมีอีกคนครับเคยกู้เงินผมๆก็คิดดอกร้อยละ3 โดยไม่มีสัญญาหรือสิ่งค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น ไปเป็นเงินหลายหมื่น ไม่มีต้นให้ก็ส่งแต่ดอกมาครับ เรียกว่าไม่มีกำหนดส่งต้น คนนี้หลายเดือนครับกว่าจะได้ต้นคืนแต่ก็ได้ครบครับไม่มีปัญหาใดๆ  แต่ในยามที่ผมเดือดร้อนและเซียนท่านนี้มีเงินทองมากมาย เฉพาะพระในตู้ที่มีทั้งเลี่ยมทองและตลับทองคิดแค่ทองคำอย่างเดียวก็น่าจะหลักหลายแสนขึ้นครับ วันนั้นผมถือพระชินราชอินโดจีนไปห้าองค์ มูลค่าตามท้องตลาดน่าจะสองถึงสามหมื่นขึ้น ผมยื่นให้เขาพร้อมพูดว่า “เราขอยืมเงิน12,000 เราวางพระห้าองค์นี้ไว้  เป็นประกันให้ คิดดอกเท่าไรคิดไป”   แต่คำตอบที่ได้คือ “สมัยนี้ใครจะเอาเงินมารับจำนำพระ เงินจม เอาไว้ซื้อพระไม่ดีกว่าหรือ ทำไมไม่ขายไปเลย” นี่คือสันดานของเซียนที่เห็นแต่ผลประโยชน์ที่ยามเรามีเงิน กับไม่มีเงิน ความสัมพันธ์ย่อมไม่เหมือนกัน แต่ยังดีครับเมื่อคราวนั้นยังมี คุณ อุ๊ กรุงสยาม เมื่อคราวที่ เปิดสำนักงานอยู่ข้างวัดราชนัดดา แล้วตอนนั้นมีนิตยสารกรุงสยาม กับนิตยสารในเครือ หัวใหม่ชื่อ “ราคา&พระเครื่อง” ออกมาวางแผง..ได้ลงพิมพ์ว่ารับจำนำพระ โดยคิดดอกร้อยละ5 ซึ่งผมถือว่าไม่แพงเลยถ้าไปเทียบกับการที่เราจะเอาไปขายแล้วโดนกดราคา และบางครั้งมันก็ไม่ใช่ราคาเพียงอย่างเดียว ผมว่านักนิยมพระทุกคน จะต้องมีพระที่ตัวเองรักอยู่ ไม่องค์หนึ่งก็หลายๆองค์ แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้เงิน การจำนำพระไว้กับร้านที่เชื่อถือได้ เพื่อเอาเงินมาแก้ขัด ก็ยังเป็นทางออกที่ดี ซึ่งตอนนั้นผมจำนำพระชุดนี้เป็นปีครับ ส่งดอกครั้งละเดือนบ้าง ถ้าไม่มีก็ขอส่งดอกครึ่งเดือนบ้างทางร้านก็ไม่ว่าอะไร โดยโทรบอกเสมียนผู้หญิง(น่าตาน่ารักดี โทษทีที่จำชื่อเธอไม่ได้แล้ว) ว่าโอนดอกเบี้ยมาให้แล้วนะ  เรียกว่าความคิดที่จะยึดพระลูกค้าไว้ไม่มีแน่นอน ซึ่งก็ถือว่าคุ้มตอนหลังผมขายพระชุดนี้ให้เพื่อนได้เงินมาหลายหมื่น ถ้าตอนนั้นขายให้เซียนไปคงได้ไม่เท่าไร  ผมไม่รู้ว่า เดี่ยวนี้ ทางคุณ อุ๊ ยังให้บริการด้านนี้อยู่อีกไหมเพราะมันผ่านมาหลายๆปีแล้ว แต่ถ้ามีผมว่าช่วงนี้ก็เป็นโอกาสดีนะครับ

        4.ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร

                อันนี้เหมือนนักการเมืองน้ำเน่าปัจจุบันเป๊ะ....คนพวกนี้พอผลประโยชน์ร่วมกันก็กินเที่ยวด้วยกัน แต่พอผลประโยชน์ขัดกันก็โจมตีกันเอง เรื่องนี้ทุกท่านน่าจะเคยเจอ ถ้าสนิทกับตู้ไหน จนพอไว้เนื้อเชื่อใจก็จะได้ฟังเรื่องเล่าเค้ามหากาพย์ ไม่รู้จบ โจมตีกันไปมา

             5.องค์เดียวกัน 15 นาที เปลี่ยนเป็น รุ่นอื่น

                เคยเดินเล่นในบางลำพูงามวงค์วาน(ชื่อเมื่อก่อน)เผอิญเดินผ่าน ตู้หนึ่ง (มีชื่อเสียงในสายเครื่องรางพอสมควร) เห็นมีคนเอากะลาแกะ รูปราหูมาปล่อย ผมปาดตามองเห็นพระเลี่ยมพลาสติกอยู่ โดยจับขอบชิ้นกลางเป็นสีเหลือง ก็มองไว้ แต่ดูไม่เป็นหรอกครับ ได้ยินเสียงเซียนต่อรองกับผู้นำมาปล่อยว่าราคามันแรงไป แค่ ล.พ.ปิ่น ยุคต้น..ตอนนั้นผมยืนหันหลังให้เขาเพราะแกล้งทำเป็นส่องพระจากแผงขาจรอยู่  ซึ่งวันนั้นมีตลาดนัด ก็ฟังไป  จนเขาตกลงราคาซื้อขายกันแค่ 800 บาท ในใจตอนนั้นผมก็อยากได้พระราหูมาใช้เสริมดวงอยู่เหมือนกัน คิดว่า ซื้อต่อคงไม่แพงมากแต่จะเข้าไปซื้อตอนนั้นเลยก็น่าเกลียด เลยแกล้งเดินไปที่อื่น รอบๆนั้น อีก 15 นาที เดินกลับมา ผมมายืนหน้าตู้ แล้วถามว่า “พี่ครับ ราหู องค์นี้ ของ ที่ไหนครับ” “องค์นี้กะลาแกะ ล.พ.น้อย ครับ”เซียนท่านนั้นตอบเล่นมาผมตัวชาไปเลย แต่ก็ยังรวบรวมสติท่ามกลางความตกตะลึง ถามกลับออกไปว่า“เท่าไรครับ”“22,000 ครับ” ตอนนั้นแทบล้มทั้งยืนเลยครับ ผมจำพระได้ครับ เลี่ยมกรอบพลาสติคจับขอบชั้นกลางเป็นสีเหลืองและในตู้มีองค์เดียวที่เลี่ยมแบบนี้ ไฉนจาก ล.พ.ปิ่น ผ่านไปไม่ถึง15นาที มันเป็น ล.พ.น้อย ได้ไง(วะ)แล้วราคานี่...อ่ะ มันพุ่งทะลุเพดานห้างไปชนโลกพระจันทร์จนต้องหาช่างมาซ่อมหลังคาห้างขนาดนั้นเชียวหรือ 800 เป็น 22000.-โอว์......อาร์....อูว์........

             6.เพื่อนช่วยเพื่อน น้อยกว่านี้ได้ไง (พระของเพื่อนข้า ใคร! อย่าแตะ)

                เมื่อหลายปีก่อน เซียนสายตรงเป็นท่อท่านหนึ่ง(ความจริงโดน2ถ้าไม่มีใครมานั้งมากกว่านี้) มีนิวาศสถานอยู่บนห้างๆนึง โดนพระสาย ท้องถิ่นตัวเอง(ถ้าบอกว่าเป็นพระกรุไหน จะรู้กันทั้งห้างเลย) ซึ่งเป็นหระหลักจัดอยู่ในความนิยมอันดับต้นๆ คราวนั้นโดนของยอดฝีมือปาดจนคอแทบขาด กว่าจะรู้เพราะคนที่นำมาปล่อย เอามาบ่อยอีกครั้งเลยชักเอะใจ เพราะซื้อขายกันครั้งแรกก็หลักหลายล้านไปแล้ว พอมารู้ก็ไม่รู้ทำไง เพราะพระที่ซื้อมาก็ปล่อยให้ลูกค้าไปหลายองค์แล้ว คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่งานประกวดนี่ซี...เมื่อมีการนำพระกรุนี้(ซึ่งสุดท้ายคือพระเก๊นำมาส่งประกวด)กรรมการที่รับพระสายนี้ ท่านหนึ่งรู้ว่าพระองค์นี้ ซื้อมาจากที่ไหน(ก็ข่าวดังขนาดนั้น)จึงถามท่านประธานผู้จัดว่าจะทำไง สิ่งที่ได้ยินคือ “อ้าย.....มันโดนมา  ช่วยรับหน่อยแล้วกัน”5555 น้ำใจช่างเป็นเลิศประเสริฐศรีดีแท้ทีเดียวเชียวนะมรึง......(กรณีนี้มีหลายครั้ง หลายเหตุการณ์ครับ จนเป็นเรื่องธรรมดาของกรรมการรับพระไปแล้ว)

             7.ขึ้นทำเนียบ จับตาย!!!

          เรื่องนี้แยบยลนิดหน่อย เพราะเกิดจากกลุ่มเซียนกลุ่มหนึ่ง จริงๆก็มีหลายกลุ่มแหละ เมื่อมีชื่อเสียง ก็ต้องทำหนังสือพระ(ที่เป็นปกแข็งหรือปกอ่อนแบบเฉพาะกิจ ไม่ใช่นิตยสารรายปักษ์หรือรายเดือน)ขึ้นมา อันถือว่า ขึ้นทำเนียบเซียนใหญ่ เพราะมีหนังสือปกแข็งในนามของตัวเองขึ้นมา เช่น เฉพาะกิจ ล.พ.........  เฉพาะกิจ พระกริ่ง......  อะไรทำนองนี้ คราวนี้ได้การครับ กลุ่มตัวเองบางคนเห็นแก่ผลประโยชน์ โดยไม่เห็นแก่ความเดือดร้อนของชาวบ้าน ก็นำพระเก๊ยัดเข้ามาผสมโลง อาร์......คราวนี้พระเก๊ก็แทบเป็นพระแท้ไปโดยปริยายเพราะได้ลงหนังสือมีหลักฐานอ้างอิง แถม จัดทำโดยเซียนพระชื่อดังด้วย คนได้ซื้อพระไปก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้ที่พระที่ตัวเองซื้อมาได้ลงอยู่ในหนังสือ....แต่คนขายก็ยิ้มอยู่ในใจเช่นกัน 555

            8.งานบุญไม่อาราธนาศีล

                พวกนี้งานบุญที่ไหน จะเลี่ยงอาราธนาศีลในข้อ 4 เป็นส่วนใหญ่ ก็ไม่รู้เพราะอะไร (ท่านผู้อ่านไปคิดดูเอาเอง)เวลาไปร่วมงานบุญ พอพระสงฆ์ท่านท่องมาถึงข้อที่4นี้ พวกนี้จะเงียบกริบ ไม่ยอมรับศีล (ไม่เชื่อลองสังเกตดู)

            9.พระที่เซียนซื้อบางครั้งก็ไม่แท้เสมอไป(รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก)

               เพราะบางทีเซียนใหญ่ก็ซื้อพระเก๊ไป ทั้งๆที่รู้ว่าเก๊(ในราคาที่ไม่ถูกนะครับ) เพราะพระนั้นเป็นพระที่ทำออกมาดีเรียกว่า เล่นได้ อันนี้ไม่เรียกว่าโดนนะครับ แต่ต้องเรียกว่า เต็มใจมากกว่า ผมเคยถามทำไมถึงซื้อ แล้วได้คำตอบที่ดูดีว่า “เอาไว้ดู เป็นตัวอย่าง” แถมยังซื้อแพงซะด้วยยกตัวอย่าง เช่น พระกรุๆหนึ่งของแท้ซื้อขายกันองค์ละหลายแสน แต่พอเจอพระฝีมือที่มีคนนำมาจะยิง ก็ออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยครับ “ขอไปเล่นน่า เท่านี้ได้ไหม” บางทีงงครับราคาของเก๊ เซียนซื้อเป็นหมื่น(บางทีหลายหมื่นด้วยซ้ำ) เสี่ย เน๊กไท ทั้งหลายที่ชอบซื้อกับเซียนหย่ายก็พึงสังวรไว้บ้างนะครับ

             10.เซียนก็อยู่รูได้เช่นกัน (เมื่อเซียนกลายเป็นผีและผีกลายเป็นสาง นี่คือสุดยอดแห่งเซียน)

        เกือบ10ปีแล้วเห็นจะได้มั้ง เซียนริมน้ำชื่อดังท่านหนึ่ง มีฝีมือในการเล่นพระสายเกจิ ลึกๆ  แต่ดวงดาวลิขิตให้มาต้องติดการพนัน เป็นหนี้ปั๊วบอลนับล้าน  ต้องหนีหัวซุก หัวซุน จนเซียนท่านนี้กลายเป็นผี ต้องหลบๆซ่อนๆ แต่เขา เก่งทั้งในเรื่องพิมพ์พระ และเนื้อพระ ก็เลยเสกพระเกจิชุดนึงเป็นพระยอดฝีมือออกมา(ผมเคยเห็นทุกขั้นตอนในการพิมพ์พระและทำพระให้เก่า โดยเพื่อนที่คบกันมานานที่เป็นผีสนามพาเข้าไป) อาละวาดครั้งแรกในถิ่นของตัวเองเรียกว่า โดนกันระนาว เพราะชุดแรกให้เด็กหรือผู้หญิงถือไป(นัยว่า ถ้าเด็กหรือผู้หญิงถือไป เซียนใหญ่ น้อยทั้งหลายจะระวังตัวน้อยลงแต่ตอนนี้คงไม่แล้วมั้ง) ได้ผลชุดแรก ถล่มเซียนใหญ่น้อยจนยับ และทุกวันนี้จากผีกลายเป็นสาง ได้ส่งพระฝีมือ ออกมาเป็นระลอกๆ จนมีชื่อเสียงทางด้านนี้เป็นอย่างมากและเป็นที่ทราบกันว่า หากพระเก๊ยอดผีมือนี้ส่งไปยิงผู้ใด สางตนนี้มักจะ ทราบเรื่องราวเสมอ ว่ามาจากสายไหน (มีหลายกลุ่ม หลายสาย บางกลุ่มก็ผลิตของฝีมือออกมาตามใบสั่งของเซียนใหญ่ที่มีผู้นับหน้าถือตาด้วยซ้ำ อนิจจา.....)และนี่คือผีที่กลายเป็นสางที่เซียนกลัวที่สุดตนหนึ่งเลยทีเดียว

             บทสรุป

             ทั้งหมดที่ผมรวบรวมมานั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง เรื่องลึกกว่านี้ยังมีอีกเยอะถ้านำมาเล่า กลัวว่าสังคมพระส่วนใหญ่จะรับไม่ได้ แต่ก็น่าจะพอเป็นประโยชน์ในการวางตัว และคบหากับเซียนบ้างนะครับ แต่อย่างที่บอก เซียนดีๆก็มี แต่น้อยครับ จึงไม่มีตัวอย่างในทางที่ดีมาเล่าให้ฟังได้มากเท่าไร หากใครมีประสบการณ์ในด้านดีๆ ก็นำมาเล่าสู่กันฟังในเวปบ้างก็จะดี เซียนคนไหนที่อยู่ข่ายที่เล่ามาก็สมควรจะสำเหนียกปรับปรุงตนเองเสียใหม่ ให้วงการพระเครื่องเป็นที่พึ่งพาของผู้ที่เดือดร้อนได้อีกทางหนึ่ง โดยไม่ถูกริดรอนสิทธิ์และเอาเปรียบมากจนเกินไป  ใจเขาใจเรา...ครับ

 


 
บันทึกการเข้า
โอ๋ ชัยนาท
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,984


นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ


« ตอบ #1 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2009, 09:43:58 PM »

กระทู้นี้คุยกันขำ ๆ ครับ 555+  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
Nuttavude
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,244


กมฺมุนา วตฺตตี โลโก


« ตอบ #2 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 06:33:10 AM »

อ่านมันส์ดีครับ
บันทึกการเข้า

"เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย"
nangkat
ไม่ล้มเจ้า ไม่เอาโจร
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 914


ไม่ล้มเจ้า ไม่เอาโจร


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 08:10:17 AM »

ได้อ่านแล้วครับพี่โอ๋ จริงอย่างเขาว่าเลยครับ..... ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

ไม่ล้มเจ้า ไม่เอาโจร
โยมโอ่ง
Register Member
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 211



« ตอบ #4 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 08:47:22 AM »

                     ได้ความรู้ๆ เยี่ยมๆๆครับ
บันทึกการเข้า
โอ๋ ชัยนาท
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,984


นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ


« ตอบ #5 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 08:54:00 AM »

อ่านแล้วเหมือนได้เห็นอะไร หลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ มุม ดีครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
man08
Register Member
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 499



« ตอบ #6 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 08:57:36 AM »

ขำไม่ออกเลยครับ เซียนจริงๆ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
mata
Register Member
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 334



« ตอบ #7 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 10:24:49 AM »

อันนี้คือเรื่องจริงๆๆๆ..ที่เป็นอุทธาหรณ์ไปจนวันตาย..ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนที่สะสมพระเครื่องที่ตนเองศรัทธาต้องเคยโดนบ้างหล่ะ..ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้นครับเวรกรรมมีจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..
สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว..ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ..
บันทึกการเข้า
add11
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,025


เพื่อศรัทธา


« ตอบ #8 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 04:48:48 PM »

 เศร้า  ยืนไว้อาลัย หนึ่งนาที  เศร้า
บันทึกการเข้า
โอ๋ ชัยนาท
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,984


นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ


« ตอบ #9 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2009, 07:22:36 PM »

การดำเนินชีวิตมันโหดร้ายแบบนี้แหล่ะครับ ส่วนมากปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็กเสมอ  จุมพิต

(เว้นแต่ไปเจอ ปิรันย่า ตัวเล็ก ๆ เข้า) 5555+ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
1_MAN_U
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,226



« ตอบ #10 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2009, 04:30:11 PM »

คุณ โอ๋

ช่วงนี้  คล้อง พระหลวงปู่กวย พิธี จตุรพิธ นะ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

จะได้..............ไม่เข้า  ยิงฟันยิ้ม   ยิงฟันยิ้ม   ยิงฟันยิ้ม


เอามาให้อ่าน อย่างนี้  เซียนน้อย  เซียนใหญ่ๆๆๆ  จะเข้ามา...........เหรอ จ๊ะ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

หลวงปู่กวยพูดกับศิษย์ "จะให้กูทิ้งพวกมึงไปได้ยังงัย"
โอ๋ ชัยนาท
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,984


นะสิวัง พรหมมา มะอะอุ


« ตอบ #11 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2009, 01:08:10 AM »

แหม... ท่านหนึ่งก็ว่าไปนั่น
แค่ copy เค้ามาให้อ่านเสริมทักษะกันครับ รู้ไว้ใช่ว่า...555+  ยิ้มเท่ห์

คนดีดี ยังมีอีกเป็นร้อยครับ  ยิงฟันยิ้ม
 
บันทึกการเข้า
NUM ladlumkave
Register Member
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171


« ตอบ #12 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2009, 09:18:12 AM »

เขาหลอกขาย กัน   ในโลกใบนี้  ไม่มีดินที่ไหน  แพงเท่า  ประเทศไทย สรุป อย่าโลภ ดีที่สุด
บันทึกการเข้า
paul tang
Register Member
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 699



« ตอบ #13 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 01:01:21 PM »

อ่านแล้ว เห็นด้วยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!